วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สมุนไพรทะลวงหลอดเลือดรักษาโรคเส้นเลือดตีบ

สูตรทำสมุนไพรทานเพื่อทะลวงหลอดเลือด

การทะลวงหลอดเลือดตามแบบวิธีโบราณ เพียงใช้เวลาสองนาที สามารถให้ของขวัญอันล้ำค่าแก่พ่อแม่และเพื่อน ๆ ของคุณได้


เริ่องราวมีอยู่ว่ามีผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนคนหนึ่ง ได้ประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อตอนที่เขาไปประชุมที่ปากีสถาน ได้มีอาการเจ็บหน้าอกอย่างฉับพลัน แพทย์ได้ตรวจสอบที่โรงพยาบาลและพบว่าเส้นเลือดหัวใจของเขาสามเส้นได้รับการอุดตันอย่างรุนแรง มีความจำเป็นต้องทำผ่าตัดและบายพาสการผ่าตัดเดือนต้องดำเนินการหลังจากนั้นหนึ่งเดือน ในช่วงระหว่างนั้นเขาไปพบหมอบำบัดมุสลิมโบราณ  โดยหมอบำบัดให้เขาทำยาสมุนไฟรทานเองที่บ้าน เขาทานยาเช่นนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนต่อมาเขาก็จะทำการตรวจสอบที่โรงพยาบาลเดียวกันพบว่าเส้นเลือดทั้งสามเส้นใสสะอาด บริเวณที่มีการอุดตันเดิมถูกทะลวงไปหมดแล้วเขาเป็นมุสลิมที่เคร่งศาสนา เพื่อช่วยให้ผู้คนมากขึ้นที่จะได้รับประโยชน์ เขาได้ share ประสบการณ์ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต
 

วัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ 
 
1. น้ำมะนาว 1 ถ้วย 
2. น้ำขิง 1 ถ้วย 

3. น้ำคั้นกระเทียม 1 ถ้วย 

4. น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ถ้วย

วิธีเตรียม 

ลอกเปลือกกระเทียมและขิง หันขิงเป็นชิ้นบาง ๆ นำทั้งหมดลงไปในเครื่องปั่นเครื่องคั้นน้ำผลไม้เพื่อตีให้เป็นน้ำปั่น แล้วเทลงผ้ากรอง เพื่อบีบให้ได้น้ำคั้น2. นำน้ำคั้น กระเทียมขิงลงไปในหม้อหุง เติมน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูแอปเปิลลงในหม้อ เพิ่มไฟให้เดือด แล้วค่อยๆเคี่ยวไปโดยไม่ต้องปิดฝาหม้อ เพื่อให้น้ำมีโอกาสได้ระเหย จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ยาที่เคี่ยวแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาตรเดิม3. เมื่ออุณหภูมิจะลดลง ให้เติมน้ำผึ้งลงไปผสมทีละน้อย อาจจะใช้น้ำผึ้งมากหน่อย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทานได้ง่าย
    นำผลิตภัณฑ์ที่ทำสำเร็จบรรจุไว้ในขวดแก้ว แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นวิธีรับประทาน: ทานหนึ่งช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้าทุกวัน คนส่วนใหญ่สามารถใช้ยานี้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดให้หายขาดได้ นอกจากนี้ยังใช้ยานี้เป็นเครื่องดื่ม, ใช้ป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันโรคหวัดและโรคอื่น ๆ เมื่อทานได้หนึ่งเดือน ให้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล คุณจะพบหลอดเลือดของคุณสะอาด บริเวณที่มีการปิดกั้นการได้รับการทะลวงไปแล้ว ตำรับนี้จะต้องเก็บไว้! และต้องเปิดเผยส่งต่อให้คนอื่นๆ!ตำรับยาการทะลวงหลอดเลือดสูตรลับสุดยอด, ให้คนที่คุณรักลองดู 

1. 

 from  :  http://health4friends.lnwshop.com/

นํ้ามันละหุ่ง สรรพคุณและประโยชน์

ต้นละหุ่ง 


จัดเป็นไม้พุ่มหรือยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นได้ถึง 6 เมตร โดยแบ่งออก 2 ชนิด ได้แก่ละหุ่งขาว และละหุ่งแดง โดยต้นละหุ่งขาวจะมีลำต้นและก้านใบเป็นสีเขียว ส่วนละหุ่งแดงจะมีลำต้นและก้านใบเป็นสีแดง ส่วนยอดอ่อนและช่อดอกเป็นสีนวลขาว


เมล็ดละหุ่ง 

ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปทรงรี เปลือกเมล็ดมีสีน้ำตาลแดงประขาวหรือเป็นจุดสีน้ำตาลปนเทา เป็นลายคล้ายกับตัวเห็บ สีจะมีแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อในเมล็ดมีสีขาว มีโปรตีนที่มีพิษ ภายในเนื้อเมล็ดจะมีน้ำมันอยู่ภายใน โดยน้ำมันจากเมล็ดละหุ่ง จะมีลักษณะเป็นของเหลว ข้น เหนียว ใส ไม่มีสี หรือมีสีเหลืองอ่อนๆ น้ำมันมีกลิ่นเล็กน้อย มีรสเฝื่อน มันเอียน และเผ็ดเล็กน้อย

ข้อน่ารู้เกี่ยวกับสมุนไพรละหุ่ง
  • ใบสดนำมาเผาใช้พอกแก้อาการปวดศีรษะได้ (ใบสด)
  • รากละหุ่ง มีรสจืดใช้ตำเป็นยาพอกเหงือกแก้อาการปวดฟัน (ราก)
  • รากใช้สุมเป็นถ่านทำเป็นยากินแก้พิษไข้เซื่องซึมได้ (ราก)
  • ช่วยแก้อาการปวดท้อง (ใบสด)
  • สรรพคุณละหุ่ง ใบสดช่วยขับลมในลำไส้ (ใบสด)
  • น้ํามันละหุ่ง สรรพคุณมีฤทธิ์เป็นยาระบายอุจจาระหรือยาถ่ายอย่างอ่อนสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ มีฤทธิ์ไปกระตุ้นผนังลำไส้ให้เกิดการบีบตัว ช่วยขับกากอาหารออกมา มักใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคท้องเดินเฉียบพลันที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ เพื่อช่วยในขับถ่ายอาหารที่เป็นพิษออกมา และยังนำมาใช้ในการทำความสะอาดลำไส้ก่อนการเอ็กซเรย์ลำไส้และกระเพาะอาหารอีกด้วย แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดมวนท้องได้ โดยน้ำมันละหุ่งนี้ต้องสกัดเอาเฉพาะน้ำมันเท่านั้น และไม่ให้ติดส่วนที่เป็นพิษ โดยใช้วิธีการบีบน้ำมันแบบไม่ผ่านความร้อน เนื่องจากหากผ่านความร้อนจะมีโปรตีนที่มีพิษที่เรียกว่า Ricin ติดมาด้วย ส่วนนี้จะไม่นำมาใช้เป็นยา (น้ํามันละหุ่ง)หรือจะใช้ใบสดหรือรากนำมาต้มกินก็มีฤทธิ์เป็นยาระบายเช่นกัน (ใบสด,ราก)
  • ช่วยแก้อาการช้ำรั่ว หรืออาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (ใบสด)
  • ละหุ่ง สรรพคุณของใบสดช่วยขับระดูของสตรี (ใบสด)
  • ใบละหุ่ง ใช้ห่อกับก้อนอิฐแดง เผาไฟ ใช้ประคบแก้ริดสีดวงทวาร (ใบสด)
  • รากใช้ปรุงเป็นยาสมานได้ (ราก)
  • เมล็ดนำมาตำใช้เป็นยาพอกแผลได้ (เมล็ด)
  • ใบสดนำไปเผาไฟใช้พอกรักษาแผลเรื้อรังได้ (ใบสด)
  • ใบสดใช้ตำพอกเป็นยารักษาฝีได้ (ใบสด)
  • ยาขี้ผึ้งน้ำมันละหุ่งที่มีความเข้มข้นร้อยละ 5-10 สามารถนำมาใช้ทารักษาผิวหนังอักเสบได้ (ยาขี้ผึ้งน้ำมันละหุ่ง)
  • น้ำมันจากเมล็ดใช้เข้ายากับน้ำมันงา ใช้ทาแก้กระดูกหัก กระดูกแตกได้ (น้ํามันละหุ่ง)
  • ใบสดนำไปเผาไฟใช้พอกแก้อาการปวดบวม หรือปวดตามข้อได้ (ใบสด)
  • เมล็ดละหุ่งนะมาทุบแล้วเอาจุดงอกออก (เอาเปลือกและดีหรือใบอ่อนออก) ใช้ต้มกับนมครึ่งหนึ่ง แล้วต้มกับน้ำเพื่อทำลายพิษ ใช้กินแก้อาการปวดข้อปวดหลังได้ (เมล็ด)
  • ช่วยขับน้ำนมของสตรี (ใบสด)
  • ใบมีรสจืดและขื่น มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลงบางชนิดได้ (ใบสด)
  • โปรตีนจากละหุ่ง ส่วนหนึ่งของโปรตีน Ricin ซึ่งเป็นพิษคือ dgA สามารถจับกับ Antibody ของไวรัสเอดส์ได้ เมื่อพบเซลล์ไวรัส มันจะปล่อย Ricin ไปยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส โดยมีความสามารถในการเลือกจับเฉพาะเซลล์ที่มีไวรัส ซึ่งมีผลต่อเซลล์ปกติเพียง 1/1,000 ของเซลล์ที่มีไววัสเท่านั้น และการค้นพบครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนายาที่ช่วยป้องกันหรือเลื่อนเวลาของการเกิดโรคเอดส์ได้

ที่มา http://health4friends.lnwshop.com/
รูปประกอบจากอินเตอร์เนต

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โรคภัยและอาการบอกเหตุ...เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

    การสังเกตอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆเบื้องต้นได้ แต่ควรหาสาเหตุที่แท้จริง จึงจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด อาการบางอย่าง อาจเกิดจากสาเหตุต่างกัน  แต่มีอาการเหมือนกัน เช่น...

- อาการนอนไม่หลับ
อาจเกิดจากถุงน้ำดีข้น หรือ กระดูกคอข้อที่ 1 เคลื่อน หรือเลือดไม่ค่อยเลี้ยงหัวใจ เนื่องจากเป็นคนตื่นเต้นบ่อย  

- ผิวหยาบ มีขี้แมลงวัน มีติ่ง หูด ตาปลา
สาเหตุมาจากลำใส้ใหญ่สกปรก 

- ปัสสาวะมีกลิ่นแรง กลิ่นฉุนมาก เกิดจากไตไม่ดี ต่อมลูกหมากโต มีปัสสาวะคั่งค้าง
ให้กินแกนสัปปะรด 3 แกน ทุกวันเป็นเวลา 7 วัน และดื่มน้ำกระชาย 

- ปวดนิ้วก้อย บอกถึงระบบความร้อนบกพร่อง ร่างกายถูกความเย็นตอน 3 – 5 ทุ่ม
เช่นอาบน้ำเย็น ตากแอร์ เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการความอบอุ่น

- ปวดใต้ฝ่าเท้า หมายถึงปอดไม่แข็งแรง 

- ปวดเข่า
ปวดด้านนอก ขึ้นมาถึงสะโพก หรือโคนขา หมายถึงถุงน้ำดีข้น ดื่มน้ำน้อยไปหรือระบบดูดซึมไม่ดี 
อันมาจาก การกินของผัดน้ำมันพืช น้ำมันพืชที่ถูกความร้อนจะแปรสภาพเหนียวเกาะที่ลำไส้ ทำให้สารอาหารและน้ำซึมผ่านไม้ได้

ปวดด้านหน้า หมายถึง กระเพาะอาหารไม่ดี กินอาหารไม่ตรงเวลา หรือมีความวิตกกังวลบ่อย

ปวดด้านใน (ด้านที่เข่าชนกัน) หมายถึงปัญหาจาก ม้าม / เบาหวาน / อ้วน / ตับ /
กินหวาน / ขี้โมโห / มีสารพิษ / ไต / กินรสจัด / หรือกินอาหาร ผัดน้ำมัน

ปวดตามข้อ ปวดเข่า ให้ตื่นเช้าเอาน้ำเย็นรดตามข้อ สลายหินปูนเกาะได้
กระตุ้นการขับถ่ายด้วย

- ปวดสะบัดหลัง ปวดเอว หมายถึงถุงน้ำดีข้น ต้องล้างระบบดูดซึม 

- ปวดกล้ามเนื้อหน้าอก อาจเกิดจากปัญหา หัวใจ หรือไต หรือกระเพาะอาหารไม่แข็งแรง    
                   
- มีอาการตึงใต้ราวนมขวา หมายถึงน้ำเหลืองไม่ดี  สาเหตุมาจากมีอุจจาระตกค้างมาก
หรือถ่ายไม่หมดเป็นประจำ  ให้หาทางระบายและกินขมิ้นชันตอนเช้า 9 โมง ช่วยเรื่องน้ำเหลืองให้ดี

- ปวดหลังมาจาก ท่านั่งไม่ถูกต้อง หรือ ความชื้นเข้าผิวหนัง หรือเพราะความวิตกกังวล
หรือ เป็นนิ่ว ลมในท้องเยอะ ดันกรวยไตให้งอ 

- ปวดด้านข้างนอกฝ่าเท้า เป็นอาการของตับไม่ดี ถุงน้ำดีข้น นอนไม่หลับ ปวดหู ไมเกรน

- กดกลางฝ่ามือ ถ้าเจ็บ หมายถึง หัวใจโต เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

- กดใต้นิ้วชี้ ถ้าเจ็บ หมายถึง ระบบย่อย ตับ กระเพาะไม่ดี

- กดใต้ร่องนิ้วนาง กับก้อย ตรงเส้นหัวใจ ถ้าเจ็บ หมายถึงกล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง

- นิ้วกลางล็อค หมายถึงมีไขมันในเลือดมาก ต้องกินน้ำกระเจี๊ยบ-พุทราจีน
เกิดจาก ตื่นเต้นบ่อย กินอาหารคอเลสเตอรอลสูง กินของหวานที่มีน้ำตาลมาก

- ปวดข้อมือใต้นิ้วโป้ง หมายถึงการมีอุจจาระค้างในลำใส้ใหญ่มาก
ควรแก้ใขด้านการขับถ่าย  การมีอุจจาระค้างมากอยู่เสมอยังเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก
กลิ่นตัว และอาจจะไปรบกวนการทำงานของตับอ่อนในการผลิตอินซูลิน อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของเบาหวาน

- ตากุ้งยิง แก้โดยการดูที่แผ่นหลังจะมีเม็ดคลายหัวสิวเกิดขึ้น ให้สกิดออกแล้วตากุ้งยิงจะหายไปเอง

- มือสั่น เกิดจากมีน้ำมันเกาะลำไส้มาก ซึ่งอาจเกิดจากกินอาหารผัดน้ำมันพืช หรือตื่นเต้นบ่อย 

- เล็บ มีดอก หมายถึงเลือดจาง

- เหงื่อออกง่าย เหงื่อออกฝ่ามือ ตัวเย็น เกิดจากหัวใจไม่แข็งแรง
หรือฮอร์โมนไม่ปกติ ดื่มน้ำกระชาย กินหัวใจหมูต้ม ข้าวเหนียวกับลำไยแห้ง ช่วยบำรุงหัวใจ 

- ขี้ร้อน เกิดจาก ไตซ้ายเสื่อม กระทบถึง สมองซีกขวา ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจินตนาการ ศิลปะหรือขาด ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือถูกความเย็นตอน 3 ทุ่ม – 5 ทุ่มระบบความร้อนในร่างกายบกพร่อง

- ขี้หนาว - หมายถึงไตขวาเสื่อม จะกระทบถึงการทำงานของ
สมองซีกซ้ายที่ทำหน้าที่เก็บความจำ คำนวณ จับประเด็น สาเหตูจากถูกความเย็นตอน 3 – 5ทุ่ม

- ถ้าหิวแล้ว มีอาการหิวจัด ทนไม่ได้ อาจกำลังจะเป็นเบาหวาน

- เหน็บชา ตามแขน ขา เกิดจากเลือดไหลเวียนไม่ดี หรือมีพยาธิ เลือดน้อยหรือไม่กินข้าวซ้อมมือ  น้ำชีวภาค ดีกว่ากระชาย 

- ตะคริว สาเหตุมาจากหัวใจไม่แข็งแรง ให้งดกิน ถั่ว ข้าวเหนียว ของดอง
  ตะคริวบก ขาดโปรแตสเซียม ให้กินผลไม้สดมากๆ
  ตะคริวน้ำ ให้ดื่มน้ำเกลือ (เกลือแกงป่น 1 ช้อนชา ละลายน้ำอุ่นดื่ม) 

- ไม่กินอาหารเช้า จะทำให้ สมองเสื่อม ผมร่วงง่าย หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย ร้อนใน
ปวดไหล่ กล้ามเนื้อเหลว กระดูกคอ กระดูกสะโพกเคลื่อนง่าย เข่าไม่ดี น่องเหลว น่องทู่ ปวดข้อเท้า วิตกง่าย ขี้โมโห

- กลิ่นตัว เกิดจากลำใส่ใหญ่สกปรก มีสิ่งตกค้างมาก ซึมเข้าระบบเลือด และออกทางเหงื่อ ปาก และลมหายใจ 

- อัมพฤษ อัมพาต ส่วนใหญ่เกิดจากท้องผูก  การขับถ่ายไม่ดี  ประกอบกับเส้นเลือดตีบ 
เวลาเบ่งอุจจาระจะเพิ่มอันตรายจากการคั่งของเลือด ทำให้เกิดเส้นเลือดตีบตัน หรือแตก
หมดความรู้สึกและล้มลง  (มักเข้าใจผิดว่าหกล้มก่อนแล้วเส้นเลือดแตก) 
ควรป้องกันด้วยการดื่มน้ำกระเจี๊ยบ พุทราจีน ขยายหลอดเลือด หรือกินข้าวต้มน้ำมะละกอ
7-10 วัน อาการจะดีขึ้น  (วิธีการทำข้าวต้มน้ำมะละกอ นำมะละกอดิบครึ่งลูกตัดจุกออก เอาเม็ดออก หั่นพร้อมเปลือกเหมือนฟัก ต้มน้ำเคี่ยวจนนิ่ม เอาแต่น้ำมาต้มข้าวต้ม ถ้าใช้ข้าวกล้องยิ่งดี จะใส่ใบเตยด้วยก็ได้ กิน 3 มื้อทุกวัน)

 อวัยวะที่สัมพันธ์กัน 

 - ริมฝีปากกับม้าม ถ้าใช้ลิปสติกที่มีสารเคมีจะทำให้ม้ามไม่แข็งแรง  ผลิตไขมันมาก ทำให้อ้วน

- หูกับไต  หูไม่ดี ไม่คอยได้ยิน เป็นการแสดงถึงไตไม่แข็งแรง

- ลิ้นกับหัวใจ  อาการของลิ้น บ่งบอกถึงความไม่แข็งแรงของหัวใจ

- สายตา กับตับ รวมถึงเส้นผม และเส้นเอ็น  ตับไม่แข็งแรงจะทำให้สายตาเสื่อมโทรม ผมหงอก และเส้นเอ็นหย่อนยาน 
- สาเหตุของความเสื่อมของสายตาคือ

1. กระดูกคอข้อที่สองเคลื่อน ถ้าได้รับการจัดกระดูกให้เข้าที่ก็เป็นการแก้ปัญหาสายตาเสื่อมโทรมได้

2. เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้าไม่พอ เนื่องมาจากถุงน้ำดีข้น อันมาจากการได้รับสารอาหารไม่พอ ได้รับน้ำไม่พอ น้ำดูดซึมเข้าลำไส้เล็กได้น้อย ระบบดูดซึมตัน หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป ต้องแก้ระบบดูดซึม หรือต้องดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

3. ตับมีสารพิษสะสมมาก ทำให้เลือดสกปรก สาเหตุมาจากการได้รับสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย เช่น ผงซักฟอก ยาสระผม ยาย้อมผม เครื่องสำอาง ผงชูรส สารกันบูด สี อาหารกระป๋อง หรือจากกรณีมีอุจจาระตกค้างในลำไส้ใหญ่มาก ควรได้รับการระบายสารพิษออกจากร่างกายโดยการกินเห็ด 3 อย่าง  การหมักผม การพอกโคลนเพื่อดูดสารพิษออกจากร่างกายโดยตรง การทำให้เหงื่อออก 

4. อารมณ์โกรธ ทำให้ไขมันเกาะลำไส้เล็ก ทำให้เซลล์ในตับตาย ทำให้เกิดหินปูนเกาะ คนที่ขี้โมโหโกรธง่าย อารมณ์ฉุนเฉียว ทะเลาะง่าย สาเหตุมาจากความเสื่อมโทรมของตับ

5. เบาหวาน น้ำตาลที่เกาะที่ผนังหลอดเลือดในสายตาจะเป็นตัวทำให้ไขมันพอกสะสมที่ผนังเส้นเลือดเพิ่ม หลอดเลือดตีบตัน เลือดเลี้ยง ระบบสายตาไม่พอ นอกจากนี้น้ำตาลยังจะดึงแคลเซียมจากกระดูกให้หลุดออกมาเกาะเส้นเอ็น ทำให้เส้นเอ็นหย่อนยาน

จะเห็นได้ว่าสายตาเป็นอวัยวะที่สัมพันธ์กับตับ ตับไม่แข็งแรงจะทำให้สายตาเสื่อมโทรม ผมหงอก และเส้นเอ็นหย่อนยาน การที่ผมเริ่ม หงอก เป็นสัญญาณบ่งบอกถึง ความเสื่อมโทรมของตับ สายตา เส้นเอ็นที่เริ่มหย่อนยาน อันเป็นเหตุให้กระดูกคอเคลื่อน ซึ่งเป็นเหตุและผลที่สัมพันธ์กันหมด

ฉะนั้น การดูแลสายตาในทางธรรมชาติบำบัดคือ
- การดูแลตับให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการรับสารพิษต่างๆ การกินขมิ้นชันก่อนนอนเป็นการฟื้นฟูตับ 
- การดูแลระบบดูดซึม การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารผัดน้ำมัน
- หลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป
- ระงับอารมณ์โกรธ ขี้โมโห
- อย่าให้ท้องผูก ระบายอุจจาระ อย่าให้ค้างมาก (ดูวิธีการระบายอุจจาระจากเรื่องการรักษาริดสีดวงทวารหนัก) 
- การกินเห็ด 3 อย่าง แต่จะได้ผลเมื่อได้ระบายอุจจาระค้างออกแล้ว
- ความเชื่อที่ว่าผักบุ้งมีวิตามินเอมาก ช่วยบำรุงสายตานั้น ในทางธรรมชาติบำบัดอธิบายได้ว่า ผักบุ้งถ้ารับประทานมากจะช่วยในการระบายอุจจาระได้เป็นอย่างดี 
- ร้องให้ การร้องให้บ้าง นอกจากจะเป็นการระบายอารมณ์ขุ่นหมอง ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นแล้ว 
ยังเป็นวิธีการขับสารพิษออกจากสายตาได้ดีที่สุด
- ออกกำลังกายให้เหงื่อออก อันเป็นวิธีการขับสารพิษออกจากร่างกายที่ดี
- ล้างสารพิษออกจากร่างกายทางผิวหนังโดยการหมักผม ผมเป็นอวัยวะที่อยู่ใกล้สายตา การหมักผมให้ประโยชน์แก่สายตาด้วย การพอก โคลน การอาบน้ำ
- ตับที่มีสารพิษสะสมมาก ยังจะทำให้ไตทำงานหนักเกินไป อันเป็นสาเหตุของไตเสื่อมได้

 -ตาแดง
ตาแดงที่เกิดจากการติดเชื้อ รักษาโดยการแช่เท้าในน้ำแข็ง ให้น้ำสูงระดับตาตุ่ม แช่ทีละข้างจนทนไม่ไหวก็สลับข้าง แช่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตาแดงจะหาย

 - ต้อลม ก็ใช้วิธีเดียวกัน แต่ให้ล้างตาในน้ำมะพร้าวอ่อนด้วย ต้อจะหลุดออกและต่อมน้ำตาจะสะอาด ตาใส

 - เส้นผม ถ้าปล่อยให้ผมแห้งมาก ร่างกายจะดึงน้ำมันจากตับมาชดเชย เพราะตับควบคุมผม ถ้าผมสกปรกมาก ทำให้ตับสกปรก  

ที่มา  http://health4friends.lnwshop.com/
รูปประกอบจากอินเตอร์เนท