วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หมามุ่ย สมุนไพรรักษาโรคพาร์คินสัน

โรคพาร์กินสัน

เกิดจากความเสื่อมของสมองส่วนที่ควบคุมการหลั่งสารสื่อประสาทโดพามีน

สารสื่อประสาทโดพามีนคือ

สารเคมีในสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว

อาการของผู้ป่วยพาร์คินสัน

 - ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการสั่น และมักเป็นข้างเดียว โดยเฉพาะที่มือ อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมกัน เช่น เดินช้าลง แขนไม่แกว่ง ทรงตัวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยอาจมีอาการซึมเศร้า หดหู่ ความจำเสื่อมร่วมด้วย จากก้อนโปรตีนผิดปกติเกิดขึ้นที่พบเป็นรอยโรคในสมอง

ยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาพาร์คินสัน

หากเป็นผู้ป่วยอายุน้อย ยังไม่ถึง 70 ปี หรือมีอาการของโรคไม่มาก แพทย์จะเริ่มใช้ยาในกลุ่ม MAO-B inhibitor เช่น Selegiline ออกฤทธิ์เพิ่มระดับโดพามีนในสมอง หรือ Dopamine agonists เช่น Pramipexole, Bromocriptine ออกฤทธิจับกับตัวรับโดพามีนในสมอง เหตุผลที่เลือกใช้ยาในสองกลุ่มนี้ก่อน เนื่องจากช่วยชะลอการดำเนินของโรคได้ เพราะมีฤทธิ์ปกป้องเซลล์สมอง (neuroprotective effect) สำหรับ Selegiline ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นผลดีต่อโรค

 - สำหรับผู้ป่วยอายุมากกว่า 70 ปี หรือมีอาการของโรคมาก  แพทย์จะเลือกใช้ยา Levodopa ซึ่งข้อเสียของLevodopa คือหลังจากใช้ยากลุ่มนี้ไประยะเวลาหนึ่งจะทำให้เกิดอาการไม่สม่ำเสมอต่อยา (motor fluctuation) เช่นผู้ป่วยจะรู้สึกว่ายาหมดฤทธิ์เร็วกว่าเดิม

สมุนไพรเพื่อการรักษาพาร์คินสัน

หมามุ่ย เป็นสมุนไพรที่ศาสตร์อายรุเวทของอินเดีย ใช้รักษาโรคพาร์กินสันมาเป็นเวลานาน ผลการศึกษาพบว่าเมล็ดหมามุ่ยเป็นแหล่งธรรมชาติของ L-dopa พบ 3.1-6.1% และอาจพบสูงถึง 12.5% ในขณะที่ส่วนใบของหมามุ่ยพบเพียง 0.5% ซึ่ง L-dopa เป็นสารตั้งต้นของโดพามีน โดยพบว่า L-dopa ในหมามุ่ยมีข้อดีกว่ายาสังเคราะห์ Levodapaตรงที่มีความแรงในการออกฤทธิ์มากกว่า Levodopa 2-3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบในขนาดเทียบเท่ากับ Levodapa เดี่ยว

 -   มีสมมุติฐานว่าในสารสกัดเมล็ดหมามุ่ยอาจมีสารสำคัญบางตัวที่ทำหน้าเหมือน Dopamine Decarboxylase Inhibitors ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ต้องให้ร่วมกับ Levodopa เสมอ เพื่อยับยั้งเอนไซม์ Dopamine Decarboxylase ที่จะทำลาย Levodopa อันจะทำให้การ ออกฤทธิ์ของ Levodopa ลดลง นอกจากนี้ยังพบว่าเมล็ดหมามุ่ย ยังออกฤทธิ์ได้เร็วกว่า และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ นานกว่า Levodopa/Carbidopa เมล็ดหมามุ่ยยังมีฤทธิ์ปกป้องเซลล์สมอง (neuroprotective effect)  ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านความเครียดที่ส่งผลให้เซลล์สมองถูกทำลาย (ศึกษาในหนูทดลอง) เพิ่มระดับกลูตาไทโอน ซึ่งจะมีปริมาณลดลงในหนูทดลอง ที่มีภาวะเครียด มีฤทธิ์จับกับโลหะหนัก ซึ่งช่วยปกป้องการถูกทำลายของ DNA ในเซลล์สมอง (มีบางการศึกษาเชื่อว่า Levodapa me เพิ่มการทำลาย DNA ในสมอง)

-  ในใบแรกที่งอกออกมาจากเมล็ด (cotyledon) ของเมล็ดหมามุ่ยยังพบ ส่วนประกอบสำคัญที่ส่งผลดีต่อการรักษาพาร์กินสัน คือ Nicotine adenine dinucleotide และ coenzyme Q-10 บางการศึกษายังพบว่าหมามุ่ยช่วยเพิ่มระดับสารสื่อประสาทจำพวกซีโรโทนิน ซึ่งเป็นผลดีในการรักษาอาการซึมเศร้า จึงอาจกล่าวได้ว่าในอนาคตหมามุ่ย อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่พัฒนาขึ้นเป็นยาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยพาร์กินสัน ทดแทนยาสังเคราะห์จากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามไม่ควรนำหมามุ่ยมาทำเป็นยารักษาเอง  จนกว่าจะมีผลการศึกษายืนยันในด้านสายพันธุ์ของหมามุ่ยที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้ในคน

Cr : http://health4friends.lnwshop.com/
ที่มา : ห้องสมุดอภัยเฮิร์บ

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ยืดอายุผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยผลไม้สด

นายแพทย์หวังเจิ่นอิ จาก มหาวิทยาลัยไถต้า ประเทศไต้หวันผู้เชี่ยวชาญด้านกระเพาะอาหารและลำไส้ได้บอกด้วยความปราถนาดีว่าให้กินผลไม้ ในช่วงที่เวลาท้องยังว่างนั่นก็คือก่อนอาหารนั่นเองและหลังอาหารให้ดื่มเครื่องดื่มที่ร้อน เท่านี้ คนที่เป็นมะเร็งก็จะไม่ตายแล้ว
ศาสตราจารย์ นายแพทย์หวังเจิ่นอิ ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยไถต้าพูดต่อว่าการนำวิธีดังกล่าวมาใช้นั้น สัมฤทธิ์ผลถึง 80% ซึ่งคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งมีโอกาสจะหาย ไม่ว่าท่านจะเชื่อ หรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่าวิธีการรักษาได้ถูกค้นพบแล้ว
สำหรับผู้ที่บำบัดและรักษาด้วยวิธีที่ใช้อยู่โดยทั่วไปซึ่งสุดท้ายผู้ป่วยต้องเสียชีวิตไปและข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หลังบำบัดมีคนไข้ไม่กี่คนที่สามารถอยู่รอดได้เกิน 5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่รอดได้ 2-3 ปีเท่านั้น จึงถูกมองว่าการรักษาที่ใช้โดยทั่วไปแล้วดูแล้วไม่น่าจะได้ผล ปกติ ผู้ป่วยไม่รับการรักษาใดทั้งสิ้น ผู้ป่วยก็สามารถอยู่รอดได้ถึง 2-3 ปีอยู่แล้ว การรักษาที่ใช้โดยทั่วไปนั้น คนไข้จะถูกบำบัดด้วยเคมีหรือระบบฉายแสง ซึ่งทำให้เซลที่ดีของคนไข้ พลอยได้รับพิษเข้าไปด้วย มีผลทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนแอลง เซลจะไม่มีแรงต่อต้านอีกด้วย จึงทำให้เชื้อแพร่กระจายเร็วขี้น และมีผลต่อการร่วมและการก่อกำเนิดปฎิกิริยาในด้านอื่นๆอีก

รับประทานผลไม้สด
เมื่อพูดรับประทานผลไม้สดก็จะนึกถึง ผลไม้หั่นเป็นชิ้นๆ เคี้ยวแล้วรีบกลืนลงท้อง ความจริงไม่ง่ายเช่นนั้น ถ้าต้องการกินที่ได้ผล ต้องพิถีพิถันในเวลารับประทานผลไม้ดังกล่าว อะไรคือการกินแบบถูกวิธี ? อย่ากินผลไม้หลังอาหาร ควรกินช่วงเวลาที่ท้องว่างเปล่าเท่านั้น เช่นนี้แล้ว ผลไม้ถึงจะได้บรรลุผลในการฆ่าเชื้อ และสามารถให้พลังงานแก่ร่างกาย รวมถึงลดความอ้วนได้อีกด้วยและมีผลต่อการร่วมและการก่อกำเนิดปฎิกิริยาในด้านอื่นๆอีก ผลไม้จึงจัดได้อาหารที่มีส่วนสำคัญต่อการดำรงชีวิต
ลองนึกภาพดู เรากินขนมปัง 2 แผ่น หลังจากนั้น กินผลไม้ 1 ชิ้น ตามหลักแล้ว ผลไม้จะผ่านผนังกระเพาะอาหารก่อนเข้าสู่ลำไส้ แต่กลับถูกกีดกันจากอาหารอื่นที่รับประทานก่อนหน้าที่จะรับประทานผลไม้ เมื่อผลไม้ที่กินเข้าไปได้ถูกผสมกับอาหารและน้ำย่อยที่เป็นกรดในกระเพาะอาหารสรรพคุณผลไม้ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย

การรับประทานผลไม้ก่อนอาหาร
หลังอาหารแล้วรับประทานผลไม้ คุณคงเคยได้ยินคนบ่นว่า ทุกครั้งที่กินแตงโมก็จะสะอึก ถ้ากินทุเรียนจะจุก หากกินกล้วยหอม จะระบายอ่อนๆ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มาจากผลไม้และอาหารที่ที่เริ่มย่อยสลายผสมผสานจนเกิดแก๊สขี้น แต่ทว่า ถ้ารับประทานผลไม้ก่อนรับประทานอาหารก็จะไม่เกิดเหตุดังกล่าว ผมขาว ผมร่วงศรีษะล้าน เคร่งเตรียด นอนหลับน้อยจนขอบตา ดำ เมื่อทานผลไม้ในขณะท้องว่าง ลักษณะดังกล่าวเบื้องต้น ก็จะจางหายไป
ดร. เฮ่อโป๋ ได้บอกผลวิจัย ไว้ว่าเมื่อผลไม้เข้าสู่ร่างกายจะมีผลเป็นด่าง ดั่งเช่น ผลส้ม หรือมะนาวที่มีรสเปรี้ยวก็ตาม แต่ก็ล้วนเป็นอาหารที่มีความเป็นด่างนั่นเอง ประเด็นสำคัญ คือการรับประทานผลไม้ในเวลาที่ว่างเปล่า เพื่อให้ผลไม้ได้ช่วยเสริมความสวยงาม และอายุจะได้ยืนยาวนาน สุขภาพที่แข็งแรง มีพลามัยที่ดี มีความสุขและหุ่นดีอีกด้วย เมื่อคุณคิดจะดื่มน้ำผลไม้ ก็อย่าดื่มน้ำผลไม้กระป๋อง อย่านำผลไม้หรือน้ำผลไม้ไปอุ่นให้ร้อน เพราะจะเหลือเพียงรสชาติ คุณประโยชน์ที่ดีของผลไม้จะถูกทำลายสิ้น การรับประทานผลไม้ทั้งลูกย่อมดีกว่าดื่มน้ำผลไม้ แต่ถ้าต้องดื่มน้ำผลไม้ ต้องดื่มเป็นคำคำไปเพื่อให้น้ำลายได้คลุกเคล้ากันให้ทั่ว ก่อนดื่มลงไป คุณสามารถรับประทานผลไม้ 3 วัน ติดต่อกัน เพื่อชะล้างร่างกายให้สะอาด ผิวพรรณจะนวลผ่อง ผู้พบเห็นจะตื่นตาตื่นใจ
กีวี่
ผลเล็กแต่มากด้วยสรรพคุณ ประกอบด้วยสาร โปรตัสเซี่ยม แมกเนเซี่ยม วิตามินE และไฟเบอร์ มีวิตามินC เป็น 2 เท่าของผลส้ม

แอปเปิล
มีวิตามีC ต่ำ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยให้วิตามินCตื่นตัว ช่วยลดการเกิดมะเร็งในลำใส้โรคหัวใจและโรคลมชัก
จึงมีคำพังเพยที่ว่า “รับประทานแอบเปิลวันละผล แพทย์จะจน เพราะทุกคน สุขภาพดี”

สตรอเบอรี่
เสมือนหนึ่งเป็นผู้คุ้มกันปกป้องร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี จึงได้รับฉายาว่า ราชาแห่งผลไม้ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องมิให้เกิดมะเร็ง การแข็งตัวของเลือดที่เกิดขึ้นในหลอดเลือดและสารอนุมูลอิสระ

ส้ม
รับประทานวันละ 2-4 ผล สามารถต่อต้านไข้หวัด ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันหรือสลายนิ่วในไตลดการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำใส้

แตงโม
ประกอบด้วยน้ำถึง 95% :ซึ่งแก้กระหายได้ดี มีกลูตาไธโอนเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มีตัวสำคัญของไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน Cและโปแทสเซี่ยม

ฝรั่งและมะละกอ
มีวิตามิน C มากที่สุด ฝรั่งมีไฟเบอร์มากซึ่งแก้ท้องผูกได้ดี มะลกอ จะมีคาระตินส่งผลดีต่อดวงตา

เชื่อหรือไม่ ดื่มน้ำเย็นหลังอาหารก็จะเกิดมะเร็งได้ง่าย ดังนั้นหลังอาหารแล้วควรดื่มน้ำร้อน เพราะน้ำเย็นจะทำให้ไขมันที่กินเข้าไปแข็งตัว ซึ่งส่งผลเสียต่อการย่อย ไขที่แข็งตัว ทำปฎิกิริยากับกรดในกระเพาะ ทำให้ไขเป็นเกล็ดเล็ก ซึ่งง่ายต่อการดูดซึมในลำใส้ และจะฝังในผนังของลำใส้ ก่อตัวเป็นไขมัน ก่อให้เกิดมะเร็งนั่นเอง
สุภาพสตรีต้องรู้ว่า การเป็นโรคหัวใจกำเริบมิได้เริ่มต้นมาจากอาการปวด ของไตด้านซ้ายมือ แต่กลับต้องระวังเมื่อเพดานปากล่าง มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง และการปวดหน้าอกอยู่เนืองๆ อาการที่ตามมาก็คือพะอืดพะอม เหงื่อออกมาก และ60%ของคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจ มักกำเริบในช่วงเวลาที่หลับสนิท จนไม่ตื่นอีกเลย การเกิดอาการปวดเพดานล่างของช่องปากจนตื่นขึ้น ต้องเอาใจใส่ และต้องยกระดับการเฝ้าระวังให้มากขึ้น หากเรามีความรู้ยิ่งมากเท่าไหร่ อัตราการมีชีวิตอยู่รอดก็มากขึ้นตาม



ที่มา : เฟซบุ๊ก Leeprapan Lee 

http://health4friends.lnwshop.com/


วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

แก้ผิวแตกลาย ด้วยวิธีธรรมชาติง่ายๆ

ผิวแตกลาย
ปัญหาผิวหนังที่สร้างความกังวลใจให้กับสาวๆกันมากพอสมควร โดยเฉพาะสาวๆที่เคยอ้วนมาก่อนแล้วจู่ๆก็ผอมลงแบบรวดเร็ว แน่นอนว่าปัญหาที่ตามมาก็คงหนีไม่พ้นผิวแตกลายตามแขน ขา น่อง หน้าท้อง รวมไปถึงส่วนอื่นๆของร่างกาย วันนี้เรามีเคล็ดลับสำหรับการลดรอยแตกลายตามผิวหนังมาฝากทุกคนกันค่ะ
อยากรักษาผิวแตกลายให้หายต้องทําไง? แม้ว่าการดูแลรักษาปัญหาผิวแตกลายอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างสูง แต่วันนี้เรามีวิธีรักษาผิวแตกลายง่ายๆจากสมุนไพรใกล้ตัว ที่รับรองว่าได้ผลดี และไร้สารเคมีอันตรายอีกด้วยค่ะ สำหรับสาวๆที่อยากแก้ไขปัญหาผิวพรรณ แต่ไม่อยากเปลืองตัง สามารถทำได้ตามวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. มันฝรั่ง อันดับแรกนำมันฝรั่งสดมา 1 หัว จากนั้นนำไปปอกเปลือก แล้วล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำมันฝรั่งที่ได้ไปบดให้ละเอียด แล้วนำมาทาบลงบริเวณผิวหนังที่แตกลาย ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด วิธีนี้ขอบอกเลยว่าได้ผลเฉพาะคนที่ผิวเริ่มแตกลายนะคะ และอาจต้องใช้เวลาในการทำนานพอสมควร แต่ก็เป้นวิธีที่ปลอดภัย และสามารถทำได้เองจากที่บ้านค่ะ
2. น้ำตาล บางครั้งของในครัวก็ช่วยเรื่องความสวยความงามได้มากจริงๆค่ะ สำหรับวิธีใช้น้ำตาลลดปัญหาผิวแตกลายนั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำน้ำตาลไปผสมกับน้ำมันอัลมอนด์และน้ำมะนาว โดยผสมในสัดส่วนที่พอเหมาะ คืออย่าให้เหลวหรือแห้งจนเกินไป เมื่อได้สครับตามสูตรลดผิวแตกลายแล้ว ก็นำเอาส่วนผสมที่ได้มาขัดเบาๆบริเวณผิวที่แตกลาย พยายามทำให้ได้สักอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ทำไปเรื่อยๆจนกว่ารอยแตกจะค่อยๆจางลงไป แนะนำว่าควรทำควบคู่กับการทาครีมรักษาผิวแตกลายจะได้ผลดีมากๆค่ะ
3. น้ำมะนาว ใครจะไปรู้ว่าปัญหาผิวแตกลายสามารถรักษาให้ค่อยๆจางหายได้ด้วยน้ำมะนาวเปรี้ยวๆ เพียงแค่คุณใช้สำลีชุบน้ำมะนาวแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นผิวแตกลายทุกวัน กรดธรรมชาติในน้ำมะนาวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แลยังช่วยให้บริเวณผิวหนังที่แตกลายค่อยๆจางลงอย่างช้าๆ สำหรับคนใจร้อนอยากหายเร็วแนะนำว่าควรใช้ครีมทารักษาควบคู่กับการทาด้วยน้ำมะนาวจะได้ผลลัพท์ที่ดีและเห็นผลเร็วขึ้นค่ะ
4. น้ำมันละหุ่ง อีกหนึ่งเคล็ดลับการรักษาผิวแตกลายด้วยวิธีจากธรรมชาติที่น่าลองไม่แพ้วิธีอื่นๆเลยค่ะ เพียงแค่คุณนำมันละหุ่งมาทาบริเวณผิวที่มีการแตกลาย จากนั้นก็ค่อยๆนวดเบาๆไปสักประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นก็ใช้แผ่นความร้อน หรือผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆนำมาวางทาบในบริเวณที่นวดดังกล่าว แล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที เมื่อครบก็เช็ดทำความสะอาดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
สำหรับวิธีแก้ปัญหาผิวแตกลายด้วยน้ำมันละหุ่งนั้น ขอแนะนำว่าคุณควรทำซ้ำได้ทุกวัน จนกว่ารอยผิวแตกลายจะค่อยๆลดเลือน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน จึงจะสามารถเห็นผลที่ชัดเจน ฉะนั่นอย่าเพิ่งท้อไปก่อนนะคะ
5. ว่านหางจระเข้ อีกหนึ่งสมุนไพรใกล้ตัวที่ช่วยรักษาผิวแตกลายได้ดีนักแล เนื่องจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพนั่นเอง สำหรับวิธีทำก็เพียงแค่นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออกให้หมด จากนั้นก็ล้างจนเหลือแต่วุ้นขาวๆ แล้วนำมาทาลงไปบริเวณที่มีปัญหาผิวแตกลาย แนะนำว่าควรทำเป็นประจำทุกเช้าเย็น แล้วผิวที่แตกลายก็จะค่อยๆจางลงไปในที่สุดค่ะ
ข้อมูลจาก เบ็ดเตล็ดไอเดีย
http://health4friends.lnwshop.com/