วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

“ปอกะบิด” รักษาเบาหวาน แต่ทำลายตับ

กรมแพทย์แผนไทยฯ ชี้คนฮิตกิน “ปอกะบิด” รักษาเบาหวาน แต่ทำลายตับ

  ปอกะบิดมีข้อควรระวังคือ หากกินติดต่อกันนานๆ จะมีผลทำลายตับ ชี้หากกินสมุนไพร
ไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 7 วัน แนะกินเป็นอาหารแทน เช่น ผักแกล้ม น้ำคั้น
แต่ต้องสับเปลี่ยนสมุนไพรบ่อยๆ

นางเสาวณีย์ กุลสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์พื้นบ้านไทย กรมพัฒนา
การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีการนิยมนำสมุนไพร
“ปอกะบิด” มาใช้รักษาโรคเบาหวาน แต่พบผู้ป่วยบางรายมีอาการไตวาย ว่า
ตามตำราการแพทย์แผนไทย สมุนไพร “ปอกะบิด” สารสำคัญจะอยู่ที่ราก และเปลือก
เมื่อทบทวนตำรายาในต่างประเทศ มีหลายประเทศนำมาใช้ เช่น อินเดีย
ใช้รากผสมขมิ้นรักษาแผล อินโดนีเซีย ใช้รักษากระเพาะอาหาร พยาธิตัวตืด
ประเทศแถบมลายู บำรุงสุขภาพเด็กแรกเกิด เป็นต้น ส่วนงานวิจัยพบว่า ปอกะบิด
มีผลในการรักษาเบาหวาน สามารถลดน้ำตาลในหนูทดลองได้ แต่มี
ผลข้างเคียงคือสามารถทำลายตับหนูได้ และเกิดการกระตุ้นหัวใจในกบ

นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า สมุนไพรดังกล่าวยังไม่มีงานวิจัยด้านพิษวิทยา
แต่มีงานวิจัยด้านเภสัชศาสตร์ โดย รศ.รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล ภาควิชา
เภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า แม้ปอกะบิด
จะมีผลลดน้ำตาลในเลือดได้ใกล้เคียงกับยาแผนปัจจุบัน แต่ยังไม่สามารถ
ทดแทนยารักษาเบาหวานได้จริง และผู้ที่จะใช้ตรวจภาวะการทำงานของตับไต
อย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน และห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติ หรือแม้แต่ครอบครัว
มีประวัติเป็นโรคตับ หรือโรคไต

“ผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีตับอ่อน ไต หัวใจ ไม่แข็งแรง และเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนได้
หากดูแลสุขภาพไม่ดี ซึ่งหลักการใช้สมุนไพรเป็นยานั้นไม่ควรกินเกิน 7 วัน
เพราะปริมาณสารเคมีจากสมุนไพรควบคุมได้ยาก หากจะใช้สมุนไพรใน
การรักษาโรคไม่ควรกินต่อเนื่อง หรือเลือกกินอาหารเป็นยาแทน เพราะ
ปริมาณความเข้มข้นของสมุนไพรที่ได้จะมีความเข้มข้นต่างกัน เช่น
กินผักแกล้ม หรือน้ำคั้น เช่น ใบกะเพรา ใบบัวบก ก็มีฤทธิ์ลดน้ำตาลได้เช่นกัน
แต่ต้องใช้หลักการเดียวกันคือ สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ให้เกิดความเสี่ยง
จากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้” นางเสาวณีย์กล่าว

มาเนเจอร์ ออนไลน์ 
cr : health4friends.lnwshop.com

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หญิงวัย62ปี รักษามะเร็งด้วยนำ้ต้มใบมะละกอสด

มะเร็งกับนำ้ต้มใบมะละกอสด
  สตรีวัย62ปี ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ไม่สามารถเข้ารักการผ่าตัดได้
เนื่องจากสภาพหัวใจไม่เอื้ออำนวย คณะแพทย์จึงแนะนำให้เธอดื่ม นํ้าต้มใบมะละกอสด
เวลาผ่านไป 5-6 วัน อาการปวดของเธอบรรเทาลง และอีก 3 เดือนต่อมา อาการท้องอืด
และอาการอาเจียนก็หายไป และเมื่อดื่มครบ 1 ปี เนื้องอกก็หายไป โดยไม่เหลือร่องรอย

วิธีทำนำ้ต้มใบมะละกอ
- เลือกใบมะละกอที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไป 5-7 ใบ นำไปล้างให้สะอาด 
- หั่นใบมะละกอดิบตามขวางเป็นเส้นๆ (ยิ่งหั่นละเอียด สารสำคัญในใบยิ่งออกมาง่าย)
- เอาใบที่หั่นฝอยแล้วลงไปต้มในนำ้ 2 ลิตร ตั้งไฟอ่อนๆ ต้มไปจนเหลือนำ้ 1ใน3
- เอานำ้ที่ได้มากรอง ใส่ขวดปิดฝาให้สนิท แช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้ 3-4 วัน
- ดื่มครั้งละ 3 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง ตอนท้องว่าง 

ปล. สมุนไพรแต่ละตัวมีการตอบสนองต่ออาการมะเร็งในผู้ป่วยแต่ละคนไม่เหมือนกัน
จึงควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล

cr  Forwarded Line   
 นานาสาระเพื่อสุขภาพ แพทย์แผนไทย
ที่มา : health4friends.lnwshop.com

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

วิธีรักษาแผลโรคเบาหวานให้ทุเลาลง (ตำรับยา เรียกเนื้อ)

 วิธีรักษาแผลโรคเบาหวานให้ทุเลาลง (ตำรับยาเรียกเนื้อ)
1. น้ำมันมะพร้าว 1000 ซีซี หรือ 1 ลิตร
2. ไข่แดงของไข่เป็ดเบอร์ 0 (4-6 ฟอง)
3. เนื้อลูกหมากสดแก่ๆ 2 ลูก
4. สารส้มสตุค่ะ 1 หัวแม่โป้ง

  วิธีทำยา
* ใช้ผ้าขาวบาง ปูบนชามแกง
* เอาไข่แดงที่แยกเรียบร้อยแล้ว ใส่ลงบนผ้าขาวบาง แล้วตีให้เป็นเนื้อเดียวกันเบาๆ
* ทุบเนื้อหมาก ให้แตกๆ ใส่ลงไปในผ้าขาวบางที่มีไข่ตีแล้ว
* ใส่สารส้มสตุ ลงไป แล้วผูกผ้าขาวบางให้เรียบร้อย
* เอาน้ำมันมะพร้าวตั้งไฟอ่อนๆ
* เอาผ้าขาวบาง หย่อนลงไป
* รอจนน้ำมันมะพร้าวเดือดปุดๆ แล้วมีน้ำมันไข่แดงออกมา
* สังเกตว่าจะเริ่มมีฟอง ก็ใช้ได้
* น้ำมันยาที่ได้จะมีสีเหลืองๆ อมส้ม
* เอาน้ำมันที่ได้ กรอกใส่ขวดไว้เป็นยาใส่แผล

  ข้อดีของยาตำรับนี้
การใส่แผลด้วยยาจากน้ำมันมะพร้าวผสมไข่แดง คือ...ไม่ต้องล้างและคว้านแผล
ดังนั้น แผลจะค่อยๆดูดน้ำมันยา เข้าไปหล่อเลี้ยงและฟื้นฟูแผล ตัวที่ประสานแผลคือหมาก
สารส้มจะมีฤทธิ์ช่วยดูดหนอง ไข่แดงคือเลซิตินที่ทำให้เซลส์ประสาทงอกขึ้นมาและดึง
ออกซิเจนเข้าแผลได้มากยิ่งขึ้นแผลจะตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วไม่เป็นแผลเป็น
การดูแลผู้ป่วยมีแผลเบาหวาน โดยไม่ต้องไปปลูกถ่ายสเตมเซลส์ ก็ลองวิธีนี้ดูนะครับ
รักษาดีกว่าแผนปัจจุบันที่ต้องขูดแผล ล้างแผลทุกวัน..วิธีนี้ล้างครั้งแรก แล้วหยอดยาได้ตลอด
แผลจะค่อยๆตื้นขึ้นมา

ขอขอบคุณ : คุณหมอปรียาภา กำเนิดสิงห์
ที่มา : health4friends.lnwshop.com

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ใบยอ ย่างไฟ..รักษาโรคเกาต์

 ใบยอ ย่างไฟ รักษาโรคเกาต์ได้

ผลงานวิจัยโดยแพทย์แผนไทยศรีสะเกษ ได้ศึกษาวิจัยการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
และอาการอักเสบจากโรคเก้าต์ โดยการใช้ใบยอ ย่างไฟ ใครที่มีปัญหาเรื่องปวดข้อ กล้ามเนื้อ
ใช้ยาแก้ปวดไปวันๆก็ไม่หายขาดสักที ก็ลองใช้วิธีนี้จากสมุนไพรพื้นบ้านของเราเอง
นางสาวณัฏฐณิชา ธรรมวัตร แพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ให้สัมภาษณ์ว่า
ได้ศึกษาวิจัยการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอาการอักเสบจากโรคเก้าต์ โดยการใช้ใบยอ ย่างไฟ
เนื่องจากวิธีเดิมในการบรรเทารักษาอาการปวดกล้ามเนื้อและอักเสบจากโรคเกาต์ ผู้ใช้แรงงาน ออกแรงกล้ามเนื้อ
เกินกำลังหรือออกติดต่อกันเป็นเวลานาน จะใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบบริเวณที่มีการอักเสบภายใน 24 ชั่วโมง
และอาจใช้ยาทาเพื่อลดการอักเสบเฉพาะที่ เพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้ออย่างเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาล
ศิลาลาด มีผู้ป่วยกลุ่มนี้ใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 160 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน อายุ 35-60 ปี เข้ารักษา
เฉลี่ยปีละ 6 ครั้งต่อคน ผู้ป่วยบางคนมีอาการปวดกล้ามเนื้อมากต้องใช้บริการถึงเดือนละ 2 ครั้ง จึงได้คิดค้น
วิธีการบรรเทาอาการปวดที่ประชาชนสามารถทำได้เอง โดยนำสมุนไพรพื้นบ้าน คือ ใบยอ ที่ใช้ทำห่อหมก
ซึ่งเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ทุกครอบครัวจะมีปลูกไว้ที่บ้านและหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดมาเป็นวัตถุดิบสำคัญ
ในการรักษาเนื่องจากใบยอมีสรรพคุณแก้ไข้ลดปวด ลดบวม อาการเคล็ดขัดยอก อาการปวดในข้อ
กล้ามเนื้อแพลง แก้โรคเกาต์ ปวดตามข้อเล็กๆ ของนิ้วมือได้

      วิธีการรักษาโรคเกาต์โดยใช้ ใบยอ ย่างไฟ

 วิธีการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อนั้น จะนำใบยอ 5-10 ใบ มาล้างให้สะอาด แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านด้วย
ไฟอ่อนประมาณ 1 นาที พร้อมโรยเกลือเล็กน้อยให้ทั่วใบยอ เพื่อเพิ่มการดูดซึมของสารในใบยอ ให้มากขึ้น
หลังจากนั้นนำผ้าสะอาดมาวางบริเวณที่มีอาการปวดหรืออักเสบ และวางใบยอที่ย่างไฟแล้ววางทับผ้าตาม
เพื่อป้องกันความร้อนจากใบยอถ่ายเทลงผิวหนังมากเกินไป ทับนานครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง
ใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น

      ผลทดสอบใบยอย่างไฟ กับการรักษาโรคเกาต์

จากการติดตามผลการทดสอบใช้ใบยอย่างไฟใช้กับผู้ป่วยโรคเกาต์ 11 ราย ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
บวมและอักเสบ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 – มิถุนายน 2557 พบว่า อาการปวดและอักเสบกล้ามเนื้อของกลุ่มผู้ป่วย
โรคเกาต์ทั้ง 11 ราย ลดลงถึง 10 รายที่มีอาการบวมตามข้อต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 99 ส่วนกลุ่มผู้มีอาการปวด
กล้ามเนื้อ ได้ใช้ใบยอ ย่างไฟ รักษา 57 ราย พบว่า 48 ราย มีอาการปวดลดลง รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
คิดเป็นร้อยละ 84 โดยผู้ที่อาการปวดไม่ลดลง พบว่า ไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวลา ไม่มีคนดูแลและ
ไม่มีคนช่วยหาวัสดุ
ใบยอ ย่างไฟ วิธีการรักษาอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อด้วยใบยอนี้ ประชาชนสามารถทำเอง
ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งยา ไม่เสียค่าใช้จ่าย หากมีใบยอปลูกอยู่ที่บ้านแล้ว หากไม่มีก็สามารถหาซื้อได้ง่ายตาม
ท้องตลาด ซึ่งราคาไม่แพง และที่สำคัญคือไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ รวมถึงเป็นการพัฒนาสมุนไพรในชุมชน
ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้นด้วย

    ใบยอ ประโยชน์ อื่นๆที่มีคุณค่า น่าศึกษาไว้

(1) ใบยอ ใบสด ใช้ห่อเนื้อและทำให้เนื้อมีรสยอ ใช้ทำอาหาร เช่น ห่อหมก ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ หรือเลี้ย
งตัวหนอนไหม แก้แผลพุพอง รักษาอาการปวดศีรษะ หรือไข้
(2) ใบยอทำยาพอก รักษาโรคมาลาเรีย แก้ไข้ แก้ปวด รักษาวัณโรค อาการเคล็ดยอก แผลถลอกลึกๆ
อาการปวดในข้อ แก้ไข้ แก้พิษจากการถูกปลาหินต่อย แก้กระดูกแตก กล้ามเนื้อแพลง
(3) น้ำสกัดใบยอ รักษาความดันโลหิตสูง เลือดออกที่เกิดจากกระดูกร้าว แก้ปวดท้อง เบาหวาน เบื้ออาหาร
ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ช่องท้องบวม ไส้เลื่อน อาการขาดวิตามินเอ
-----------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : health4friends.lnwshop.com