วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ชะลอความแก่ แก้ไขนกเขาไม่ขัน ด้วยกระชาย

กระชาย

ชื่ออื่นๆ : กะแอน ละแอน ขิงทราย ว่านพระอาทิตย์ เป๊าะสี่ ฯลฯ กระชายเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกตามบ้านเรือนทั่วไป ส่วนที่ใช้เป็นอาหารและยา คือ เหง้าใต้ดินและราก สรรพคุณทางยาสมุนไพรมากมาย หมอยาพื้นบ้านในประเทศไทยใช้เหง้าและรากของกระชายแก้ปวดมวนในท้อง แก้ท้องอืดเฟ้อ แก้ลมจุกเสียด แก้โรคกระเพาะ รักษาแผลในปาก แก้ตกขาว กลาก เกลื้อน ใช้เมื่อมีอาการปวดข้อเข่า ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง และใช้บำบัดโรคกามตายด้าน นกเขาไม่ขันอีกด้วย

วิธีใช้ :
1) บรรเทาอาการจุกเสียด นำเหง้าแห้งประมาณครึ่งกำมือต้มเอาน้ำดื่ม
2) บำบัดโรคกระเพาะ กินรากสดแง่งเท่านิ้วก้อยไม่ต้องปอกเปลือก วันละ 3 มื้อก่อนอาหาร 15 นาทีสัก 3 วัน ถ้ากินได้ให้กินจนครบ 2 สัปดาห์ ถ้าเผ็ดร้อนเกินไปหลังวันที่ 3 ให้กินขมิ้นสดปอกเปลือกขนาดเท่ากับ 2 ข้อนิ้วก้อยจนครบ 2 สัปดาห์
3) บรรเทาอาการแผลในปาก ปั่นรากกระชายทั้งเปลือก 2 แง่งกับน้ำสะอาด 1 แก้วในโถปั่นน้ำ เติมเกลือครึ่งช้อนกาแฟโบราณ กรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้กลั้วปากวันละ 3 เวลาจนกว่าแผลจะหาย ถ้าเฝื่อนเกินให้เติมน้ำสุกได้อีก ส่วนที่ยังไม่ได้แบ่งใช้เก็บในตู้เย็นได้ 1 วัน
4) แก้ฝ้าขาวในปาก บดรากกระชายที่ล้างสะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก ใส่โถปั่นพอหยาบ ใส่ขวดปิดฝาแช่ไว้ในตู้เย็น กินก่อนอาหารครั้งละ 1 ช้อนกาแฟเล็ก (เหมือนที่เขาใช้คนกาแฟโบราณ) วันละ 3 มื้อก่อนอาหาร 15 นาที สัก 7 วัน
5) แก้กลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้า คันศีรษะจาก เชื้อรา นำรากกระชายทั้งเปลือกมาล้างผึ่งให้แห้ง ฝานเป็นแว่น แล้วบดให้เป็นผงหยาบ เอาน้ำมันพืช (อาจใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวก็ได้) มาอุ่นในหม้อใบเล็กๆ เติมผงกระชาย ใช้น้ำมัน 3 เท่าของปริมาณกระชาย หุง (คนไปคนมาอย่าให้ไหม้) ไฟอ่อนๆ ไปสักพักราว 15-20 นาที กรองกระชายออก เก็บน้ำมันไว้ในขวดแก้วสีชาใช้ทาแก้กลาก เกลื้อน
6) แก้คันศีรษะจากเชื้อรา ให้เอาน้ำมันดังกล่าวไปเข้าสูตรทำแชมพูสระผมสูตรน้ำมันจากที่ไหนก็ได้ โดยใช้แทนน้ำมันมะพร้าวในสูตร ประหยัดเงินและได้ภูมิใจกับภูมิปัญญาไทย หรือจะใช้น้ำมันกระชายโกรกผม ให้เพิ่มปริมาณน้ำมันพืชอีก 1 เท่าตัว โกรกด้วยน้ำมันกระชายสัก 5 นาที นวดให้เข้าหนังศีรษะ แล้วจึงสระผมล้างออก
7) ยาอายุวัฒนะ ผงกระชายทั้งเปลือกบดตากแห้งปั้นลูกกลอนกับน้ำผึ้ง กินวันละ 3 ลูกก่อนเข้านอน ตำรับนี้เคยมีผู้รายงานว่าใช้ลดน้ำตาลในเลือดได้ หรือใช้กระชายตากแห้ง บดผงบรรจุแคปซูล แคปซูลละ 250 มิลลิกรัม กินวันละ 1 แคปซูลตอนเช้าก่อนอาหารเช้าในสัปดาห์แรก วันละ 2 แคปซูลตอนเช้าในสัปดาห์ที่ 2
8) แก้โรคนกเขาไม่ขัน
- วิธีที่ 1 ใช้ตามตำราแก้ฝ้าขาวในปาก อาการจะเริ่มเปลี่ยนแปลงหลังวันที่ 3-4
- วิธีที่ 2 รากกระชายตากแห้งบดผงบรรจุแคปซูล แคปซูลละ 250 มิลลิกรัม กินวันละ 1 แคปซูลตอนเช้าก่อนอาหารเช้าในสัปดาห์แรก วันละ 2 แคปซูลตอนเช้าในสัปดาห์ที่ 2 ถ้าไม่เห็นผลกินอีก 2 แคปซูลก่อนอาหารเย็น หรือกลับไปใช้วิธีที่ 1 จะเริ่มกินบอกภรรยาด้วย ถ้าได้ผลแล้วภรรยาบ่นให้ภรรยากินด้วยเหมือนๆ กัน
- วิธีที่ 3 เพิ่มกระชายในอาหาร ทำเป็นกับข้าวธรรมดาก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นต้มยำ (ทุบแบบหัวข่า) แกงเผ็ด (หั่นเป็นฝอย) กินทุกวัน พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เห็นผลในหนึ่งเดือน
9) บำรุงหัวใจ
นำเหง้าและรากกระชายปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาด หั่นตากแห้ง บดเป็นผง ใช้ผงแห้ง 1 ช้อนชาชงน้ำดื่มครึ่งถ้วยชา คนโบราณบอกว่าลางเนื้อชอบลางยา ให้สูตรกระชายไปหลายสูตรแล้ว ถ้าใครถูกกับสูตรไหนกินไปเลย หรือจะเพิ่มการกินขนมจีนน้ำยาหรือแกงป่าใส่กระชายก็ได้ ชนิดที่ไม่ใส่กะทิก็ดี ไขมันจะได้ไม่พอกพูน
ที่มา : http://health4friends.lnwshop.com/
รูปจากอินเตอร์เนต

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

นํ้าสมุนไพรทรงพลัง กระเจี๊ยบ-พุทราจีน-เตยหอม

กระเจี๊ยบ-พุทราจีน-เตยหอม
เป็นที่รู้กันว่าโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปีถ้าไม่นับโรคมะเร็งแล้ว ก็ต้องยกให้โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและโรคหลอดเลือดสมองตีบ  ยาสมุนไพรสูตรตำรับเดียว ที่ใช้ป้องกันได้ทั้งสองโรคนั้นมีอยู่ไม่กี่ตำรับ ในที่นี้ขอแนะนำตำรับหนึ่งที่มีผู้ใช้ได้ผล และบอกต่อกันมา คือตำรับกระเจี๊ยบแดง พุทราจีน และเตยหอม
สมุนไพรชนิดแรก สีแดงและรสเปรี้ยวจี๊ดของกลีบเลี้ยงผกระเจี๊ยบแดงนอกจากมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในไต และในระบบทางเดินปัสสาวะแล้ว ยังมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด และรักษาโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งลดความเหนียวข้นของเลือดลง ทำให้การไหลเวียนของโลหิตทั่วร่างกายดีขึ้น ซึ่งก็ช่วยรักษาเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้ด้วย
กระเจี๊ยบแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์  Hibiscus sabdariffa   L. ชื่ออื่นว่า กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง ส้มปู ส้มพอ และชื่อที่ฝรั่งทั่วโลกรู้จักกันดีเรียกว่า  Jamaica  sorrel,  Roselle,  Red  sorrel, Rozelle กระเจี๊ยบเป็นพืชล้มลุก ชอบอากาศร้อน ทนต่อความแห้งแล้ง ไม่ชอบน้ำขัง เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ตลาดมีความต้องการตลอด จึงแนะนำให้ปลูกไว้เป็นยาและพืชเศรษฐกิจได้
สมุนไพรชนิดที่สอง รสหวาน มัน ฝาด ของผลพุทราจีน ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงร่างกาย บำรุงประสาท แก้โรคนอนไม่หลับ นอกจากนี้ ยังอุดมด้วย วิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งช่วยบำรุงสายตา และเพิ่มภูมิต้านทานโรค ที่สำคัญผลพุทราช่วยลดผลข้างเคียงจากกรดซิตริกของกระเจี๊ยบ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมฤทธิ์ป้องหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และเส้นเลือดสมองตีบ พุทราจีน มีความหลากหลายของสายพันธุ์มาก อยู่ในวงศ์ Rhamnaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ที่สืบค้นดูบางที่เรียก Ziziphus mauritiana บางทีก็เรียก Ziziphus jujub แค่คนจีนเรียกว่า red date หรือ Chinese date คนไทยภาคอีสานเรียกต้นพุทราว่า บักทันหรือหมากกะทัน ภาคเหนือเรียก มะตัน มะตันหลวง นางต้มต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีหนาม ผลมีเมล็ดเดียว ผิวเรียบ ผลสุกจะเป็นสีเหลืองบางพันธุ์มีสีแดงเข้ม เป็นพืชกำเนิดในประเทศจีนตอนเหนือ ที่รู้จักกินใช้มานาน 4,000 ปีแล้ว แต่ในอินเดียก็ปลูกพุทราเช่นกัน สืบค้นไปได้สมัยพุทธกาลเช่นกัน
สมุนไพรชนิดที่สาม คือ รสหวานเย็นของใบเตย ช่วยบำรุงหัวใจ ชูกำลัง ลดพิษไข้ ดับพิษร้อนภายใน เตย มีชื่อวิทยาศาสตร์ Pandanus amaryllifolius Roxb ชื่ออื่นๆ เตยหอมใหญ่ เตยหอมเล็ก ปาแนะวองิง (มลายู) ต้นเตยหอม เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กรู้จักกันดี ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากนัก
มาดูสรรพคุณโดยรวมของสมุนไพรสูตรตำรับนี้ (สามประสาน) จึงสามารถตอบโจทย์ในการดูแลสุขภาพหัวใจและสมองให้แข็งแรง ป้องกันโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองตีบ อันเป็นโรคสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของประเทศไทย รวมทั้งมีผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี ที่เกิดจากโรคเส้นเลือดสมองตีบ เนื่องจากความเครียดของสมองและจิตใจ ในวิถีชีวิตของสังคมบริโภคนิยมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน
วิธีปรุงยา : นำสมุนไพรสามเกลอ คือ กระเจี๊ยบแดงแห้ง 30 กรัม เนื้อพุทราแห้งไม่มีเมล็ด 30 กรัม ใบเตยแห้ง 5 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด แล้วเคี่ยวไฟอ่อนๆ ราว 10-15 นาที จะเติมเกลือและน้ำตาลเล็กน้อยก็ได้ เพื่อให้ได้รสชาติดีขึ้น แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรเติมอะไรเพิ่ม ดื่มขณะอุ่น วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 แก้ว เช้า-เย็น หลังอาหาร น้ำยาที่เหลือเก็บแช่ตู้เย็นได้ แล้วนำมาอุ่นเพื่อดื่มในมื้อต่อไป
สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือโรคเส้นเลือดสมองตีบเรื้อรัง สามารถดื่มคอกเทลสมุนไพรสูตรนี้ได้ทุกวัน ช่วยเสริมการบำบัดรักษาที่แต่ละคนดูแลสุขภาพตนเองอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ดื่มเป็นประจำรับรองว่าสมองจะแจ่มใส หัวใจสดชื่นไปอีกนาน สำหรับผู้ที่ใช้สมองมาก เช่น นักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือผู้บริหาร สามารถดื่มสมุนไพรสามเกลอนี้แทนซุปไก่สกัด หรือผลไม้สกัดราคาแพงๆ ได้เช่นกัน นอกจากจะได้ยาบำรุงสมองที่มีสรรพคุณดีกว่าแล้ว ยังได้ยาราคาถูกกว่าอีกด้วย
ที่มา : http://health4friends.lnwshop.com/
รูปจากอินเตอร์เนต

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

"น้ำส้มสายชู " ทำอะไรได้บ้าง

มาดูกันว่า "น้ำส้มสายชู " ของใช้ในครัว ทำอะไรได้มากกว่าเป็นอาหารบ้าง?? 
1. ยามไปเที่ยวทะเล เจอแมงกะพรุนไฟเข้า ราดน้ำส้มตรงบริเวณที่ถูกแมงกะพรุนทันที จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ทันใจ
2. ผิวที่เจอแดดจัดๆจนเป็นรอยเกรียมลูบด้วยน้ำส้มสายชู ผิวที่ไหม้จะไม่พองให้ปวดแสบ
3. ใช้น้ำส้มสายชูดองเปรี้ยวผักต่างๆ เช่น ต้นหอม ผักเสี้ยน กระเทียม ขิง จะถนอมอาหาร
4. รองเท้าหนัง รองเท้ายาง หรือสารสังเคราะห์ใดๆ ก็ตาม หากเปื้อนน้ำมันให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูแล้วจะหมดรอย
5. กระจกบานเกล็ดสกปรก ล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดรับรองเงางาม สะอาด ใส
6. หม้ออะลูมิเนียมเป็นคราบดำ น้ำส้มสายชูละลายขี้เถ้าใต้เตาถ่าน ขัดถููสะอาดเอี่ยม
7. ภาชนะทองแดง ทองเหลือง ขัดด้วยน้ำส้มผสมเกลือในอัตราส่วนเท่ากัน ใช้ผ้านุ่มจุ่ม
พอหมาดเช็ดถูจะแวววาวขึ้น
8. ของใช้พลาสติก ตลอดจนภาชนะอื่นๆในครัวเปื้อนไขมันมากจนเป็นรอยดำ ให้แช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชู รอยเปื้อนจะหายไปพร้อมกับกลิ่นอาหาร
9. ปัญหาของเตาอบ ถาดอบ เครื่องครัวแสตนเลสและพื้นครัว เป็นคราบสกปรกล้างยาก ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดถู คราบฝังแน่นกับเศษอาหารตามพื้นจะหลุดง่าย ไม่เปลืองแรงขัด
10. เฟอร์นิจอร์ ฝาผนังบ้านด่างดำ มีคราบนิ้วมือของสมาชิกตัวเล็ก ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำส้มสายชูร้อนๆ เช็ดปุ๊ปหายปั๊ป
11. อ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ ราวโครเมียมสกปรก เป็นสนิม น้ำส้มสายชูกับน้ำสบู่ เช็ดถู ทุกอย่างเงางามสะอาดตา
12. รอยเปื้อนเสื้อผ้าบริเวณรักแร้ที่เป็นคราบเหลือง ใช้น้ำส้มสายชูทาตรงรอยเปื้อนให้ชุ่ม หากได้แช่เสื้อผ้าในน้ำส้มสายชูสักครู่ก่อนซักตามปกติ กลิ่นเปรี้ยวและเหม็นอับจากเหงื่อจะหายไปพร้อมรอยเปื้อน
13. กลิ่นอาหาร กลิ่นผลไม้แรงๆอย่างทุเรียนที่ติดตามภาชนะพลาสติกนั้น ให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูตามด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
14. ท่อระบายน้ำภายในอาคารบ้านเรือนที่มักสกปรกเร็ว ตามด้วยกลิ่นเหม็นรุนแรงรบกวนความสุข ให้เทผงฟูลงท่อน้ำร่องไปก่อน 1 กำมือ สักครู่ตามด้วยน้ำส้มสายชูอีก 1 ถ้วย ทิ้งไว้สักพัก ลองเปิดน้ำระบายดูอีกที
15. เนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อควาย ถ้าแช่น้ำเกลือผสมน้ำส้มสายชูก่อนเก็บเข้าตู้เย็น กลิ่นคาวจะไม่ออกมารบกวนอาหารอื่นๆด้วย
16. ฝักบัวในห้องน้ำเกิดอุดตันใช้ไม่สะดวก น้ำที่ไหลกะปริดกะปรอย ลองถอดชิ้นส่วนออกมาแช่น้ำส้มสายชูปัดเศษฝุ่นด้วยแปรง แทงตามรูด้วยเข็มหมุด ล้างให้สะอาดประกอบเข้าที่เดิม คราวนี้ฝักบัวไหลฉลุยแน่นอน
17. ขวด แจกัน คนโทที่ปากแคบคอดเล็ก ทำความสะอาดยาก กรอกน้ำส้มสายชู ผสมเปลือกไข่ทุบพอละเอียด แช่ไว้ แล้วเขย่าๆ เศษคราบสกปรกจะหลุดโดยง่าย
18. หม้อและกาต้มน้ำชากาแฟทั้งหลาย ใช้ไปนานๆ มักมีตะกรันหินปูนจับหนา ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละถ้วย เทลงในภาชนะ ต้มให้เดือด แล้วทิ้งให้เย็นค้างๆไว้ 1 คืน ตะกรันจะหลุดเป็นกระบิทีเดียว
19. สุภาพสตรีที่ต้องการม้วนผม เซ็ทผมให้อยู่ตัว หรือหยิกทนนาน โกรกผมด้วยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เมื่อสระและเซ็ทตามปกติ ผมจะหยิกเป็นลอนสลวย ทนนานสะใจหลายวัน
20. ไข่สดและใหม่มากเกินไป เวลาทำไข่ต้มมักมีปัญหาปอกเปลือกยาก ไข่เป็นรอยขรุขระ ไม่น่ารับประทาน ลองเติมน้ำส้มสายชูครึ่งช้อนชาลงในน้ำต้มไข่ ไข่ขาวจะไม่ติดเปลือก ปอกง่ายขึ้นกว่าเดิม
21. ต้มแปรงสีฟันขนแข็งๆ ในน้ำส้มสายชู ขนจะนุ่มไม่ทิ่มเหงือกให้เจ็บปากอีก
22. ปัญหาหินปูนจับตามเครื่องซักผ้า เครื่องล้างชาม แก้ด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย เทใส่เครื่องพร้อมปิดฝา เปิดเครื่องให้ทำงานตามปกติจะเห็นเครื่องสะอาดทันตา
หรือ วิธีรักษาเครื่องซักผ้า ให้ใช้น้ำอุ่นพอประมาณ ผสมน้ำสมสายชูสักครึ่งลิตรใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า เปิดสวิตซ์ทำงานปกติ น้ำส้มสายชูจะช่วยไล่คราบฝุ่นออกจากตัวเครื่อง และป้องกันการอุดตันได้ด้วย
23. อยากรับประทานผัดไทย หอยทอด ขนมจีน กับถั่วงอก อวบอ้วน ขาว กรอบละก็แช่ถั่วงอกลงในน้ำผสมน้ำส้มสายชูไว้สักครู่
24. ดอกกุหลาบช่อใหญ่ อยากให้สดอยู่นานๆ น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 5 กรัม ผสมน้ำสะอาด 5 ถ้วย ให้ฉีดพ่นกุหลาบทั้งช่อ
25. แก้ปัญหาก้นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่ใช้ไปนานๆ เกิดคราบดำผสมคราบไคลน้ำข้าวจับหนาเตอะ อย่าใช้ฝอยขัดหม้อขัด ให้ใช้น้ำส้มสายชูครึ่งส่วนผสมน้ำ 1 ส่วน เติมลงหม้อ เสียบปลั๊ก รอจนเดือดปุดๆ จึงถอดปลั๊ก เทน้ำทิ้ง ล้างด้วยฟองน้ำจะออกง่าย
26. หยดน้ำส้มสายชูลงบนแว่นตา เช็ดด้วยผ้านุ่ม รอยขีดข่วนจะหายไป พร้อมคราบเหงื่อไคล
27. เสื้อผ้าสีขาวสะอาด เมื่อใช้ไปนานๆ มักกลายเป็นสีขาวขุ่น เพียงผสมน้ำส้มสายชูขณะซัก จะทำให้ผ้าขาวสะอาดยิ่งขึ้น
28. ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดชำระล้างผมในน้ำครั้งสุดท้าย จะพบว่าช่วยล้างแชมพูได้สะอาดหมดจด เส้นผมเป็นเงางาม มีน้ำหนัก ปราศจากรังแคด้วย
29. แก้ปัญหาสีน้ำแห้งแข็ง ใช้น้ำส้มสายชูผสมทิ้งเอาไว้
สีน้ำที่แห้งแข็งก็จะอ่อนเหลว นำมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง
30. แก้ปัญหากะทะใหม่ ที่มักประสบปัญหาทอดอาหารแล้วติดกะทะ ก่อนนำกะทะมาใช้ให้เทน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเท่าๆ กันลงในกะทะและนำไปตั้งไฟรอจนเดือด แล้วเทน้ำส้มสายชูทิ้ง ใช้น้ำสะอาดล้างอีกที จากนั้นก็ใช้งานตามปกติ
31. ย่างปลาไม่ให้ติดตะแกรง นำน้ำส้มสายชูมาทาให้ทั่วตะแกรงก่อนย่างปลา เวลาปลาสุกจะไม่ติด และทำความสะอาดตะแกรงง่าย
32. ขจัดคาวปลาหมึก ใช้น้ำส้มสายชูแกว่งกับน้ำ นำปลาหมึกมาแช่ไว้ 5-10 นาที กลิ่นคาวปลาหมึกจะหมดไป
33. ก่อนจะลอกหนังปลาหมึกให้แช่ปลาหมึกในน้ำส้มสายชูสักครู่ จะลอกหนังง่ายขึ้น
34. ป้องกันไม่ให้หัวปลีดำ ต้องแช่หัวปลีลงในน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง
35. หุงข้าวสวยให้เป็นปุย ใส่น้ำมะนาว หรือ น้ำส้มสายชู ลงในหม้อข้าวขณะหุง เมื่อข้าวสุกจะไม่เหนียวติดกัน
36. ทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมัน เติมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำมันเล็กน้อย
37. ขจัดรอยจีบกระโปรง ใช้ฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชู ทาตรงรอยจีบให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าบางๆ ทาบรีดด้วยเตารีดอุ่นๆ รอยจีบกระโปรงหรือรอยเลาะตรงขากางเกงจะเรียบหายไปตามต้องการ
38. วิธีกำจัดมดในครัว ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดตรงทางเดินมด มดจะไม่เดินมาบริเวณที่เราเช็ดด้วยน้ำส้มสายชูไว้
39. ลวกลูกชิ้นปลาที่เก่าและเหม็นคาวให้อร่อย ลูกชิ้นปลาที่แช่ตู้เย็นไว้นานๆแล้วมีกลิ่นเหม็นคาว ให้ล้างด้วยน้ำผสมกับน้ำส้มสายชู จากนั้นจึงลวกลูกชิ้น แล้วค่อยนำไปประกอบอาหาร
40. รอยเปื้อนกาวบนเสื้อผ้า ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ
41. ใช้น้ำส้มสายชูผสมต้นโทงเทงสด หรือผักคราดหัวแหวนสดๆ คั้นเอาน้ำชุบสำลีอมไว้ข้างแก้ม ค่อยๆกลืนทีละนิด แก้ฝีในคอ หรือต่อมทอนซิลอักเสบได้ชะงักนักแล
42. แช่ผักชีสักก้านในน้ำส้มสายชู ดูว่าใบยังคงเขียวไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพื่อทดสอบว่าเป็นน้ำส้มสายชูแท้

ที่มา

http://health4friends.lnwshop.com/


วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

สูตรน้ำผักผลไม้ของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์

น้ำผักผลไม้สูตรในวัง
ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณสดใสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็น
โรคมะเร็งจะดีมากครับ มีคนแถวบ้านเป็นมะเร็งอายุประมาณ 80 กว่าแล้ว ต้องให้คีโม
แต่ปรากฏว่าพอรับประทานน้ำผลไม้สูตรนี้ไปเป็นเวลาประมาณไม่ถึง 1 เดือนปรากฏว่า
มีผมงอกขึ้นและแข็งแรงขึ้นมากจนหมอตกใจ ลองนำไปปั่นทานกันดูดีต่อสุขภาพมาก 
ส่วนประกอบก็ราคาไม่แพงมากด้วยครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
1. แอปเปิ้ล 1 ผล
2. แครอท 1 ลูก
3. ผักสลัด (ผักกาดแก้ว) 3 ใบ
4. ตั้งโอ๋ 2 ก้าน
5. มะนาว 1 ลูก
6. น้ำเสาวรส 1/2 แก้ว 
(ถ้าไม่มีสดให้ซื้อน้ำเสาวรสกระป๋องก็ได้ค่ะ)
7. น้ำผึ้งแท้ 1/2 แก้ว
8. น้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วแต่ความชอบ
9. ฝรั่ง 1 ผล
10. มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5 ลูก
11. น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นำทุกอย่างมาปั่นรวมกัน สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตรในกรณีที่เป็นคนป่วยให้รับประทาน
วันละ 1 ลิตรแต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉยๆ สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วันนะครับ

ทรงพระเจริญครับ

ลิงค์มาจาก http://health4friends.lnwshop.com/
รูปประกอบจากอินเตอร์เนต