ปัจจุบัน
ไขมันพอตับกลายเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตับทำงานผิดปกติและ
อาจกลายเป็นตับแข็งในที่สุด
จากข้อมูลทางคลินิกพบว่าคนอ้วนและผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ดื่มสุราเป็น
ประจำมีภาวะไขมันพอกตับสูงถึง 50%1 และ 57.7% ตามลำดับ ส่วนผู้ที่อายุ 50
ปีขึ้นไปมีประมาณ 25% เป็นไขมันพอกตับ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ
ไขมันพอกตับส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ
ผู้ป่วยจึงมักจะไม่รู้ตัวหรือไม่ใส่ใจในการรักษา
ไขมันพอกตับคืออะไร...
ไขมัน พอกตับใช่ว่าจะมีไขมันพอกอยู่บนตับ หากแต่หมายถึง
การสังเคราะห์ไขมันในตับผิดปกติ
ทำให้ไขมันโดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับมีน้ำหนักเกิน 5%
ของตับ ซึ่งจะทำให้ตับทำงานผิดปกติ
ตับอักเสบและอาจพัฒนาเป็นตับแข็งในที่สุด
ไขมันพอกตับสามารถแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระยะ
- ระยะแรก: ไขมันที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับมีน้ำหนักประมาณ 5-10% ของตับ
- ระยะกลาง: ไขมันที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับที่มีน้ำหนักประมาณ 10-25% ของตับ
- ระยะรุนแรง: ไขมันที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับที่มีน้ำหนักเกิน 30% ของตับ
ไขมัน
พอกตับส่วนใหญ่จะตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปีหรือตรวจอัล
ตร้าซาวด์เพื่อรักษาโรคอย่างอื่น ทั้งนี้
เนื่องจากผู้ป่วยไขมันพอกตับในระยะแรกหรือแม้กระทั่งพัฒนาเป็นตับอักเสบหรือ
ตับแข็งแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังไม่แสดงอาการ
ไขมันพอกตับเกิดจากสาเหตุอะไร...
ไขมัน พอกตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การดื่มสุรา
การสังเคราะห์ไขมันของตับผิดปกติ โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน
ตับอักเสบจากไวรัส การขาดสารอาหาร ผลข้างเคียงจากการใช้ยา การตั้งครรภ์
เป็นต้น
ไขมันพอกตับเกิดจากสาเหตุอะไร...
ผู้ ป่วยไขมันพอกตับกว่า 50%
ไม่แสดงอาการโดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นไขมันพอกตับระยะแรก
แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา ภาวะไขมันพอกตับก็จะรุนแรงขึ้น
ผู้ป่วยอาจมีอาการต่างๆ ดังนี้:
- รู้สึกอึดอัดหรือปวดแน่นบริเวณชายโครงด้านขวา
- เบื่ออาหาร รู้สึกท้องอืดท้องเฟ้อคล้ายอาหารไม่ย่อย
- ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ
- อ่อนเพลียง่าย ไม่มีเรี่ยวแรง
- ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการดีซ่าน (ผิวเหลือง และตาเหลือง) หรือคลื่นไส้ อาเจียน
- ตรวจพบค่าเอ็นไซม์ตับ SGPT, SGOT สูงขึ้น (แสดงว่าตับมีการอักเสบ)
- ระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
แต่ อย่างไรก็ตาม
ระดับความรุนแรงของไขมันพอกตับไม่อาจวัดด้วยระดับความรุนแรงหรือจำนวนมาก
น้อยของอาการ
เนื่องจากบ่อยครั้งไขมันพอกตับจนเป็นตับแข็งแล้วผู้ป่วยก็ยังไม่รู้สึกมี
อาการ
ไขมันพอกตับอันตรายเพียงใด
- ทำให้ตับทำงานผิดปกติ
ตับ
เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในร่างกายและเป็น
เสมือนโรงงานเคมีของร่างกายทำหน้าที่สำคัญหลายๆ อย่าง เช่น
กักเก็บสารอาหารสังเคราะห์โปรตีน โคเลสเตอรอลและวิตามิน
ผลิตน้ำดีเพื่อย่อยอาหารประเภทไขมัน ควบคุมการสันดาปของฮอร์โมน
ผลิตสารที่นำเกล็ดเลือดไปห้ามเลือดเมื่อผนังหลอดเลือดได้รับบาดเจ็บและกำจัด
สารพิษที่ตกค้างในร่างกาย ฯลฯ
เมื่อมีเซลล์ไขมันจำนวนมากแทรกอยู่ในเซลล์ตับจะทำให้โครงสร้างภายในของตับ
แปรเปลี่ยนไปย่อมจะทำให้ตับทำงานผิดปกติและส่งผลกระทบทั่วทั้งร่างกาย
- ส่งผลกระทบต่อผลการรักษาของโรคเรื้อรังต่างๆ
ไขมัน พอกตับใช่ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาเดี่ยวๆ
หากแต่เป็นผลพวงของโรคประจำตัวต่างๆ เช่น เบาหวาน ตับขาดสารอาหาร
ตับอักเสบจากไวรัส เป็นต้น
ผู้ป่วยไขมันพอกตับจึงมักอยู่คู่กับโรคเรื้อรังหลายอย่างเช่น โรคอ้วน
เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ เกาต์
นิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น
ไขมันพอกตับนอกจากไปเพิ่มความรุนแรงของโรคเรื้อรังเหล่านี้แล้ว
ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลการรักษาของโรคเรื้อรังเหล่านี้ไม่ดีเท่าที่
ควรและยากต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของตับให้กลับสู่ภาวะปกติ
- อาจกลายเป็นตับแข็งในที่สุด
หากไขมันพอกตับไม่มีการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้ ตับอักเสบและกลายเป็นตับแข็งในที่สุด
ยาลดไขมันในเลือดสูงส่งผลกระทบต่อไขมันพอกตับอย่างไร...
โค เลสเตอรอลในร่างกายคนเรา 80% ขึ้นไปสังเคราะห์จากตับ
การใช้ยาแผนปัจจุบันเพื่อลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดเป็นประจำจะไปกดการ
ทำงานของตับไม่ให้ปล่อยโคเลสเตอรอลเข้าไปในกระแสเลือด
ทำให้ตับสำลักไขมันจนเกิดไขมันพอกตับได้ ดังนั้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อลดการใช้ยา
เป็นอีกวิธีสำคัญวิธีหนึ่งในการป้องกันและบรรเทาภาวะไขมันพอกตับได้
การแพทย์จีนมีวิธีบำบัดอย่างไร...
การ แพทย์จีนได้จัดไขมันพอกตับให้อยู่ในกลุ่มโรคของปวดแน่นชายโครง
และระบบการย่อยและการดูดซึมอาหารโดยเฉพาะไขมันบกพร่อง
ซึ่งมีสาเหตุหลักเกิดจากการรับประทานอาหารหวานๆ มันๆ และแอลกอฮอล์มากเกินไป
ทำให้ตับที่ทำหน้าที่ในการระบายพลังชี่
และม้ามที่ทำหน้าที่ในการดูดซึมอาหารผิดปกติ
ส่งผลให้เกิดการคั่งของพลังชี่และของเหลวข้น (เสมหะหรือไขมัน) ในตับ
ทำให้การไหลเวียนของพลังชี่และเลือดในตับติดขัดจนทำงานผิดปกติ
โดยเฉพาะการสังเคราะห์โคเลสเตอรอลนานวันเข้าก็จะกลายเป็นไขมันพอกตับในที่สุด
ถึงแม้ว่าพยาธิสภาพของไขมันพอกตับเกิดขึ้นที่ตับแต่จะส่งผลกระทบ
โดยตรงต่อการทำงานของม้าม ถุงน้ำดีและกระเพาะอาหาร การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวมดังนี้:
- ระบายพลังชี่อั้นในตับ ทำให้พลังชี่และเลือดในตับไหลเวียนได้สะดวก
ตับจึงกลับมาทำงานได้ปกติรวมทั้ง
มีการสังเคราะห์ไขมันในปริมาณที่เหมาะสมด้วย
- ฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของม้าม ทำให้มีการดูดซึมอาหารโดยเฉพาะไขมันได้ดีไม่ให้เกิดการสะสมในตับ
ที่มา : http://health4friends.lnwshop.com/
รูปประกอบจากอินเตอร์เนท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น