กำเนิดข้าวเล็บนก
จาก
ความสนพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ดังนั้นในปี พ.ศ.2537
จึงทรงพระกรุณาฯ ให้กรมการข้าว กระทรวงเกษตร
มอบหมายให้สถานีทดลองข้าวปัตตานี
เก็บรวบรวมสายพันธุ์ข้าวพื้นเมืองต่างๆของภาคใต้
พบว่ามีสายพันธุ์ข้าวมากกว่า 307 สายพันธุ์ โดยมาจาก 107 อำเภอ และ 14
จังหวัด และได้มีการทดลองปลูกคัดเลือกจนได้สานพันธุ์ข้าวบริสุทธุ์
โดยมีรหัสประจำสายพันธุ์ข้าวนี้ว่า PTNG 84210
เป็นสายพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมจากตำบลชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง
แล้วให้ชื่อสายพันธุ์นี้ว่า"ข้าวเล็บนก-ปัตตานี"
"ข้าวเล็บนก"
เป็นข้าวประเภทไวต่อช่วงแสง หากปลูกให้ได้รับแสงแดดมากกว่า 10-12
ชั่วโมงต่อวัน จะไม่แตกช่อออกรวง แต่จะแตกใบอ่อนแทน
จึงทำให้ปลูกได้ยากมากและปลูกได้เพียงปีละครั้งเดียวเท่านั้น
แต่อุปสรรคนี้ก็เป็นผลทำให้"ข้าวเล็บนก" เป็นข้าวที่มีคุณภาพเยี่ยมที่สุด
เมื่อนำมาหุงแล้ว ข้าวจะขึ้นหม้อ มีกลิ่นหอม มีรสชาติดี เคี้ยวนุ่มปาก
และที่สำคัญคือ อร่อย
ข้าวเล็บนกดั้งเดิมนั้น
นิยมปลูกในแถบจังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง
สงขลา สตูล นราธิวาส ปัตตานี เป็นการปลูกแบบนาดำ-นาหว่าน น้ำขัง
ผลผลิตที่ได้จึงไม่สูงมากนัก และที่สำคัญชาวไทยเกือบไม่ได้รับประทาน
เพราะพ่อค้าชาวมาเลเซียและสิงคโปร์จะกว้านซื้อข้าวเพื่อส่งออกไปบริโภคใน
ประเทศของตน ถือเป็นข้าวชั้น 1 เกรด A
ระดีบพรีเมี่ยมและมีราคาสูงกว่าข้าวสายพันธุ์อื่นๆมาก
ต่อมาโครงการ
หลวงได้นำพันธุ์"ข้าวเล็บนก"ขึ้นไปทดลองปลูกที่ดอยอินทนนท์
จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้วิธีขุดหลุดแล้วหยอดพันธุ์ข้าวเปลือกลงไป
เรียกว่าข้าวไร่ข้าวดอย
จากสภาพอุณหภูมิที่หนาวเย็นในเวลากลางคืนและอบอุ่นในเวลากลางวันและสภาพ
อากาศที่บริสุทธิ์ของยอดดอยตลอดทั้งปี ทำให้ได้ผลผลิตสูงและมืคุณภาพดียิ่ง
จึงนิยมเรียกกันตามภาษาพื้นเมืองว่า"ข้าวเล็บนกปกาเกอญอ"
ที่มา : http://health4friends.lnwshop.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น