วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

ไขมันพอกตับ โรคร้าย เสี่ยง ตับแข็ง สูง

          ปัจจุบัน ไขมันพอตับกลายเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตับทำงานผิดปกติและ อาจกลายเป็นตับแข็งในที่สุด จากข้อมูลทางคลินิกพบว่าคนอ้วนและผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ดื่มสุราเป็น ประจำมีภาวะไขมันพอกตับสูงถึง 50%1 และ 57.7% ตามลำดับ ส่วนผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไปมีประมาณ 25% เป็นไขมันพอกตับ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ ไขมันพอกตับส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยจึงมักจะไม่รู้ตัวหรือไม่ใส่ใจในการรักษา

          ไขมันพอกตับคืออะไร...
          ไขมัน พอกตับใช่ว่าจะมีไขมันพอกอยู่บนตับ หากแต่หมายถึง การสังเคราะห์ไขมันในตับผิดปกติ ทำให้ไขมันโดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับมีน้ำหนักเกิน 5% ของตับ ซึ่งจะทำให้ตับทำงานผิดปกติ ตับอักเสบและอาจพัฒนาเป็นตับแข็งในที่สุด ไขมันพอกตับสามารถแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระยะ
          - ระยะแรก: ไขมันที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับมีน้ำหนักประมาณ 5-10% ของตับ
          - ระยะกลาง: ไขมันที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับที่มีน้ำหนักประมาณ 10-25% ของตับ
          - ระยะรุนแรง: ไขมันที่แทรกอยู่ในเซลล์ตับที่มีน้ำหนักเกิน 30% ของตับ
          ไขมัน พอกตับส่วนใหญ่จะตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปีหรือตรวจอัล ตร้าซาวด์เพื่อรักษาโรคอย่างอื่น ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ป่วยไขมันพอกตับในระยะแรกหรือแม้กระทั่งพัฒนาเป็นตับอักเสบหรือ ตับแข็งแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังไม่แสดงอาการ

          ไขมันพอกตับเกิดจากสาเหตุอะไร...
          ไขมัน พอกตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การดื่มสุรา การสังเคราะห์ไขมันของตับผิดปกติ โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ตับอักเสบจากไวรัส การขาดสารอาหาร ผลข้างเคียงจากการใช้ยา การตั้งครรภ์ เป็นต้น

          ไขมันพอกตับเกิดจากสาเหตุอะไร...
          ผู้ ป่วยไขมันพอกตับกว่า 50% ไม่แสดงอาการโดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นไขมันพอกตับระยะแรก แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา ภาวะไขมันพอกตับก็จะรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการต่างๆ ดังนี้:
          - รู้สึกอึดอัดหรือปวดแน่นบริเวณชายโครงด้านขวา
          - เบื่ออาหาร รู้สึกท้องอืดท้องเฟ้อคล้ายอาหารไม่ย่อย
          - ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ
          - อ่อนเพลียง่าย ไม่มีเรี่ยวแรง
          - ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการดีซ่าน (ผิวเหลือง และตาเหลือง) หรือคลื่นไส้ อาเจียน         
          - ตรวจพบค่าเอ็นไซม์ตับ SGPT, SGOT สูงขึ้น (แสดงว่าตับมีการอักเสบ)
          - ระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
          แต่ อย่างไรก็ตาม ระดับความรุนแรงของไขมันพอกตับไม่อาจวัดด้วยระดับความรุนแรงหรือจำนวนมาก น้อยของอาการ เนื่องจากบ่อยครั้งไขมันพอกตับจนเป็นตับแข็งแล้วผู้ป่วยก็ยังไม่รู้สึกมี อาการ

          ไขมันพอกตับอันตรายเพียงใด
          - ทำให้ตับทำงานผิดปกติ
          ตับ เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในร่างกายและเป็น เสมือนโรงงานเคมีของร่างกายทำหน้าที่สำคัญหลายๆ อย่าง เช่น กักเก็บสารอาหารสังเคราะห์โปรตีน โคเลสเตอรอลและวิตามิน ผลิตน้ำดีเพื่อย่อยอาหารประเภทไขมัน ควบคุมการสันดาปของฮอร์โมน ผลิตสารที่นำเกล็ดเลือดไปห้ามเลือดเมื่อผนังหลอดเลือดได้รับบาดเจ็บและกำจัด สารพิษที่ตกค้างในร่างกาย ฯลฯ เมื่อมีเซลล์ไขมันจำนวนมากแทรกอยู่ในเซลล์ตับจะทำให้โครงสร้างภายในของตับ แปรเปลี่ยนไปย่อมจะทำให้ตับทำงานผิดปกติและส่งผลกระทบทั่วทั้งร่างกาย
          - ส่งผลกระทบต่อผลการรักษาของโรคเรื้อรังต่างๆ
          ไขมัน พอกตับใช่ว่าจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาเดี่ยวๆ หากแต่เป็นผลพวงของโรคประจำตัวต่างๆ เช่น เบาหวาน ตับขาดสารอาหาร ตับอักเสบจากไวรัส เป็นต้น ผู้ป่วยไขมันพอกตับจึงมักอยู่คู่กับโรคเรื้อรังหลายอย่างเช่น โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ เกาต์ นิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น ไขมันพอกตับนอกจากไปเพิ่มความรุนแรงของโรคเรื้อรังเหล่านี้แล้ว ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลการรักษาของโรคเรื้อรังเหล่านี้ไม่ดีเท่าที่ ควรและยากต่อการฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของตับให้กลับสู่ภาวะปกติ
          - อาจกลายเป็นตับแข็งในที่สุด
      หากไขมันพอกตับไม่มีการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้ ตับอักเสบและกลายเป็นตับแข็งในที่สุด

          ยาลดไขมันในเลือดสูงส่งผลกระทบต่อไขมันพอกตับอย่างไร...
          โค เลสเตอรอลในร่างกายคนเรา 80% ขึ้นไปสังเคราะห์จากตับ การใช้ยาแผนปัจจุบันเพื่อลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดเป็นประจำจะไปกดการ ทำงานของตับไม่ให้ปล่อยโคเลสเตอรอลเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ตับสำลักไขมันจนเกิดไขมันพอกตับได้ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อลดการใช้ยา เป็นอีกวิธีสำคัญวิธีหนึ่งในการป้องกันและบรรเทาภาวะไขมันพอกตับได้

          การแพทย์จีนมีวิธีบำบัดอย่างไร...
          การ แพทย์จีนได้จัดไขมันพอกตับให้อยู่ในกลุ่มโรคของปวดแน่นชายโครง และระบบการย่อยและการดูดซึมอาหารโดยเฉพาะไขมันบกพร่อง ซึ่งมีสาเหตุหลักเกิดจากการรับประทานอาหารหวานๆ มันๆ และแอลกอฮอล์มากเกินไป ทำให้ตับที่ทำหน้าที่ในการระบายพลังชี่ และม้ามที่ทำหน้าที่ในการดูดซึมอาหารผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการคั่งของพลังชี่และของเหลวข้น (เสมหะหรือไขมัน) ในตับ ทำให้การไหลเวียนของพลังชี่และเลือดในตับติดขัดจนทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะการสังเคราะห์โคเลสเตอรอลนานวันเข้าก็จะกลายเป็นไขมันพอกตับในที่สุด

          ถึงแม้ว่าพยาธิสภาพของไขมันพอกตับเกิดขึ้นที่ตับแต่จะส่งผลกระทบ
          โดยตรงต่อการทำงานของม้าม ถุงน้ำดีและกระเพาะอาหาร การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวมดังนี้:
          - ระบายพลังชี่อั้นในตับ ทำให้พลังชี่และเลือดในตับไหลเวียนได้สะดวก ตับจึงกลับมาทำงานได้ปกติรวมทั้ง มีการสังเคราะห์ไขมันในปริมาณที่เหมาะสมด้วย
          - ฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของม้าม ทำให้มีการดูดซึมอาหารโดยเฉพาะไขมันได้ดีไม่ให้เกิดการสะสมในตับ

          ไขมันพอกตับจึงค่อยๆ ทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด..

ที่มา : http://health4friends.lnwshop.com/
รูปประกอบจากอินเตอร์เนท


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น