วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ซีสต์ คืออะไร

ซีสต์

         ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ซีสต์ (cyst) ไม่ใช่โรค เราเรียกว่าเป็นภาวะที่มี ซีสต์ (cyst) หรือแปลเป็นภาษาไทยว่าถุงน้ำเกิดขึ้นในร่างกาย ไม่ใช่เนื้องอก และไม่ได้เกี่ยวข้องกับมะเร็ง ที่สำคัญคือสามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกอวัยวะ ตั้งแต่ผิวหนังเรื่อยลงไปจนถึงอวัยวะภายในเชีย          ภายในซีสต์นั้น อาจจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำหรือสารหลั่งจากต่อมของร่างกาย ขนาดของซีสต์มีตั้งแต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จนถึงมองเห็นได้ คลำได้จากภายนอกร่างกายเลยล่ะ
      บริเวณที่พบ ซีสต์ บ่อยในร่างกาย ได้แก่  ช่องคลอด, ปากมดลูก รังไข่ ผิวหนัง เปลือกตาด้านบน ข้อมือและข้อเท้า เหงือก สมอง

ต้นเหตุซีสต์

       มีความเชื่อที่ว่า บริเวณที่ถูกกระตุ้นหรือเสียดสีบ่อย ๆ ทำให้เป็นซีสต์ได้ เช่น การถอนขนรักแร้เป็นประจำ การนั่งนาน ๆ ความจริงก็คือ รูขุมขนที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกกระตุ้นหรือเสียดสีบ่อย ๆ เช่น ที่คอ รักแร้ และก้น มีโอกาสเป็นแผล มีการฝังตัวของเซลล์ผิวหนังเข้าไปในชั้นหนังแท้จนเกิดเป็นซีสต์ และหากติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนอีกก็จะทำให้เกิดซีสต์ในบริเวณนี้ได้ง่าย อย่างไรก็ตาม สาเหตุของซีสต์นั้นยังไม่แน่ชัด มีปัจจัยแตกต่างไปตามอวัยวะของร่างกายอีกด้วย

เมื่อซีสต์มาเยือน

         ปกติแล้วผู้หญิงเราควรตรวจดูร่างกายตัวเองอยู่เป็นประจำว่า มีสิ่งปกติ ปูด นูน ออกมาจากในร่างกายหรือไม่ หรือมีอาการปวดท้อง ปวดข้อบริเวณไหน และไปพบแพทย์ให้ทำการพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางแพทย์ให้ชัดเจน เช่น การตรวจอื่น ๆ ที่พอจะบอกได้ว่าเป็นซีสต์หรือก้อนเนื้อ อาทิการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ (ซีสต์ในร่างกาย) หรือการใช้เข็มฉีดยาเจาะดู (ซีสต์นอกร่างกาย)
         ผู้หญิงบางคนพบว่าเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ขณะแขม่วท้องออกกำลังกายแล้วปรากฏว่าท้องไม่ยุบตามไปด้วย มีก้อนปูดขึ้นมาให้เห็น ซึ่งเป็นสัญญาณให้ไปพบแพทย์ได้ทัน คราวต่อไปอย่าลืมสังเกตอาการแบบนี้ ดีกว่ารู้ตัวอีกทีก็สายไปแล้ว



ตัดซีสต์ทิ้งดีไหม

        หากพบซีสต์ในร่างกาย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูขนาดของก้อนซีสต์เป็นประจำ แม้จะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้น้อย แต่หากขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ควรผ่าตัดเอาซีสต์ออก ซึ่งปัจจุบันมีการผ่าตัดผ่านกล้องเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะแผลผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นน้อยก็ลุกไปเลี้ยงลูก หรือทำงานต่อได้เลย อย่างไรก็ตามคนที่เป็นซีสต์ แต่ดูแลร่างกายดี สามารถคุมให้ขนาดซีสต์ไม่โตขึ้นได้ ก็ไม่ต้องผ่าตัดแต่อย่างใด

ซีสต์ที่เกิดบ่อยในผู้หญิง

ซีสต์ที่เต้านม        ซีสต์ที่เต้านมจะมีน้ำขังอยู่ในเนื้อเต้านม เมื่อคลำจากภายนอกจะพบก้อนในเนื้อนม เล็กบ้างใหญ่บ้าง สาเหตุของซีสต์ที่เกิดขึ้นบริเวณเต้านมนั้นอาจเกิดจากภาวะการเปลี่ยนแปลง ต่อมเต้านม มีน้ำเข้าไปสะสมอยู่ในเนื้อเต้านมแล้วรวมตัวเป็นถุงน้ำ หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเอสโตเจน ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเต้านม จนในที่สุดก็กลายเป็นซีสต์ โดยซีสต์ในเต้านมนั้นอาจโตขึ้นแล้วยุบลงได้ในช่วงมีประจำเดือน อาจมีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณเต้านม เนื่องจากน้ำในซีสต์ดันเนื้อนมรอบข้างแล้วทำให้เต้านมตึงขึ้น
คำแนะนำ : ผู้หญิงที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยลดความตึงหรือโอกาสเติบโตของซีสต์ใน หน้าอกลงได้ นอกจากนี้ การที่พบซีสต์ในเต้านมควรงดกินเค็ม เพราะเกลือจะเป็นตัวเพิ่มการคั่งของของเหลวในถุงซีสต์ งดคาเฟอีนทุกประเภท หากรู้สึกคัดตึงมาก ๆ ลองประคบด้วยน้ำแข็งหรือแผ่นเย็น (cold pack) ในบริเวณที่ปวด วันละ 2 ครั้ง หากกังวลใจว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม ควรต้องได้รับการตัดชิ้นเนื้อเพื่อพิสูจน์ เพื่อดูลักษณะของซีสต์ที่เกิดขึ้น

ซีสต์ที่ผิวหนัง
        ผิวหนังของผู้หญิงเรามักจะลูบไปแล้วเนียนเรียบ แต่หากมีก้อนเล็ก ๆ นูนขึ้นมา บริเวณต่าง ๆ ของร่างกายมากจนผิดสังเกต อาจมีสีเดียวหรือต่างกับผิวหนัง สันนิษฐานได้ว่าเป็นซีสต์ได้เลย โดยซีสต์ที่ผิวหนังนั้นสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัยและทุกส่วนของร่างกาย แต่พบบ่อยที่ใบหน้า คอ หน้าอก และหลังส่วนบน มักจะเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันที่ผิวหนัง มีการฝังตัวของเซลล์ผิวหนังในชั้นหนังแท้ หลังจากที่ผิวหนังถูกทิ่มแทง เป็นแผล หรือเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ก็ได้
         ซีสต์ผิวหนังประเภทหนึ่งที่คุณผู้หญิงเป็นกันมากคือสิวข้าวสาร มีลักษณะเป็นตุ่มแข็งสีขาวคล้ายสิว พบบ่อยที่บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จมูกในทารกแรกเกิด และที่หนังตาและแก้มในเด็กสาว โดยทั่วไปแล้ว ซีสต์ผิวหนังไม่ได้เป็นอันตรายมากนัก แต่หากมีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีเลือดออก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อกำจัดออก ซึ่งมีทั้งการผ่าตัดและใช้เลเซอร์
คำแนะนำ: ไม่ว่าคุณจะเป็นซีสต์ผิวหนังแบบไหนไม่ควรเจาะ แคะ แกะ เกาบ่อย ๆ เพราะจะทำให้ติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว หรือการที่ซีสต์นั้นอยู่ในตำแหน่งที่ถูกเสียดสีบ่อย ๆ อาจทำให้สารที่บรรจุอยู่ในซีสต์เล็ดลอดออกมากระตุ้นให้ร่างกายเกิดขบวนการ อักเสบ อาจทำให้ซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้น แดงและเจ็บด้วย

Chocolate cyst
       
“ช็อกโกแลตซีสต์” คือถุงน้ำของรังไข่แบบหนึ่งที่มีของ เหลวอยู่ข้างใน ลักษณะคล้ายๆ ช็อกโกแลตเหลว ซึ่งจริงๆ แล้วของเหลวนั้นก็คือ “เลือดเก่า” ที่คั่งค้างสะสมอยู่นั่นเอง
โดยปกติในแต่ละรอบเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะหนาขึ้นในช่วงแรก และค่อยๆ สลายตัวออกมาเป็นประจำเดือน แต่ผู้หญิงบางคนมีเยื่อบุโพรงมดลูกบางส่วนเจริญผิดที่นอกโพรงมดลูก (Endometriosis) เช่น ที่รังไข่ ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะ ลําไส้ หรือเนื้อเยื่อต่างๆ ในอุ้งเชิงกราน ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดทีเดียว แต่สันนิษฐานว่าเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่อยู่ในเลือดประจำเดือนไหลย้อน ผ่านท่อนําไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ตามที่ต่างๆ เกิดการหนาตัว มีเลือดออกและคั่งเป็นวงจรทุกเดือน เหมือนกับเยื่อบุที่อยู่ในโพรงมดลูก ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบระคายเคือง จนเกิดเป็นพังผืดดึงรั้งอยู่ภายในช่องท้อง ถ้าไปเกิดที่รังไข่ก็จะสะสมกลายเป็นถุงน้ำหรือซีสต์ที่มีเลือดคั่งอยู่ข้าง ใน เรียกว่า “ถุงน้ำช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตซีสต์” (Chocolate cyst)นั่นเองค่ะ และจะส่งผลให้เกิดอาการปวดประจําเดือนมากขึ้น ปวดท้องน้อยเรื้อรัง และยังอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากอีกด้วย
คำแนะนำ : ยิ่งสามารถสังเกตอาการได้เร็วก็จะช่วยให้สามารถกำจัดก้อนซีสต์ได้เร็ว เพราะหากก้อนยังเล็กโตไม่เกิน 5 เซนติเมตร สามารถผ่าตัดผ่านกล้องได้
วิธีการสังเกตอาการ
คือกลุ่มเสี่ยงจะอยู่ที่ผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนมากผิดปกติ ปวดหน่วง ๆ หรือปวดถ่วงลงทวารหนัก ขณะเดียวกัน บางคนก็ไม่มีอาการปวด ยกเว้นเมื่อขนาดของซีสต์โตมาก ๆ แล้วไปกดอวัยวะข้างเคียงหรือแตกออกมา ด้วยเหตุนี้ การระมัดระวัง ไม่ประมาท และหมั่นสังเกตอาการตัวเองให้ดี หรือใช้การเช็คสุขภาพประจำปี ก็เป็นการดีที่สุด

อ้างอิง กระปุกดอทคอม
ที่มา www.health4friends.lnwshop.com
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น