วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Flax seed คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร

Flaxseed 

เป็นเมล็ดเล็กๆ ของพืชที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Linum usitatissimum ซึ่งถูกใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบเป็นอาหารและเสื้อผ้า อย่างแพร่หลายมาเป็นพันๆ ปี Flaxseeds ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะมีการวิจัยพบว่า Flaxseed เป็นแหล่งอันอุดมสมบูรณ์ของโอเมก้า 3, กรดไขมันจำเป็น Alpha Linolenic Acid (ALA) และ Lignan,

เนื้อในของเมล็ดแฟลกซ์ เมื่อแช่น้ำในระยะเวลา 30 นาที เป็นต้นไป สามารถที่จะอุ้มน้ำได้ 8 เท่า ของน้ำหนักตัวเอง สามารถป้องกัน/ต่อต้าน มะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบย่อยอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคท้องผูก และยังช่วยปรับระดับฮอลโมนในร่างกายด้วย

เมล็ดพืชแฟลกซ์ สามารถสกัดน้ำมันมาใช้ได้และมีมากด้วย ไขมันชนิดดี เช่น โอเมก้า3 โอเมก้า6 ซึ่งจำเป็น แต่เราผลิตเองไม่ได้ จึงต้องหาจากอาหารต่างๆ มาเสริม โอเมก้า ทั้ง 2 ตัวนี้มีส่วนช่วยให้ ฮอร์โมนprostaglandins and elcosanoids ไปเลี้ยงสมอง ระบบประสาท ผิวหนัง ระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยป้องกันเลือดข้น และจับกันเป็นก้อน หรืออีกนัยหนึ่ง ก็หมายถึง การควบคุมให้เลือดมีความดันตามปกติ

แฟลกซ์ มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตมนุษย์มายาวนานกว่า พันปีแล้ว มีรายงานการใช้แฟลกซ์เป็นอาหาร มาตั้งแต่สมัยเบบีลอน (3000ปี ก่อนคริสกาล) ในยุโรปแฟลกซ์ถือเป็นอาหารที่ใช้ในการบำรุงกำลัง มานานกาล แม้ ในปัจจุบันนี้ ในเยอรมันจะหาร้านที่ไม่ทำขนมปังที่ทำ "ขนมปังแฟลกซ์และไรน์" แทบจะไม่มีเลย น้ำมันในแฟลกซ์จะทำให้ขนมปังชุ่มชื้น และ ยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น
กลุ่ม คณะที่ปรึกษาสมาคมแฟลกซ์ ของแคนาดา รายงานว่า ในเยอรมัน การบริโภคแฟลกซ์มากกว่า 60,000ตัน / ต่อปี ในการใช้ทำขนมปัง + ซีเรียล หรือเฉลี่ย คนละ 1 กิโลกรัม / ปี หรือ 3 กรัม / วัน

Mucilage เมือกจากเมล็ดแฟลกซ์ มีประโยชน์ยังไง ? ทำไมคนโบราณจึงใช้ แฟลกซ์ เป็นยาระบาย?

เปลือกนอกของเมล็ดจะมีกากมาก ถึง 10% ของเมล็ด เมื่อเปลือกนอกได้สัมผัสกับน้ำ หรือ ของเหลว จะทำให้ขยายตัว และ มีสภาพ ไหลลื่นเหมือนกาว

การจะใช้แฟลกซ์เป็นยาระบาย

เมล็ดแฟลกซ์ทั้งเมล็ด 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
น้ำร้อนเดือด 1 แก้ว

คนให้เข้ากัน แล้วดื่ม ในขณะที่ยังไม่ขึ้นอืด มันจะไปอืดในท้องภายหลัง แล้วจะช่วยระบบขับถ่าย
ถ้าเป็นโรคท้องผูกอย่างมาก ให้ดื่ม 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนอาหาร อย่างไรก็ตาม การกินเมล็ดแฟลกซ์ในลักษณะนี้ ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึม คุณค่าต่างๆได้ นอกจากเมื่อผิวของมันถูกกระเทาะ นอก จากนี้เมล็ดแฟลกซ์ยังสมารถเป็นตัวสำคัญในการทำหน้าที่  รักษาลำไส้ / ระบบย่อยอาหาร ที่เกิดจาก การรับประทานยาปฎิชีวนะ ยาคุมกำเนิด ยาที่ใช้ใน คีโมธาราปี หรือ ผู้ป่วยที่ใช้ยายบางชนิดเป็นเวลานานๆๆ ซึ่งจะทำให้ท้องผูก หรือกลัวว่าจะมีสารตกค้างอยู่

Dr. Ernst Schneider กล่าวว่า ลำไส้ของผู้ป่วยที่ต้องฉายคีโมธาราปี จะกลับสู่สภาพเดิม ได้เร็วขึ้น เมื่อใช้เมือกแฟลกซ์ช่วย :hug: หรือคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร เมือกแฟลกซ์จะเป็นตัวเคลือบ ทำหน้าที่เหมือน วอลเปเปอร์ เลยทีเดียว

ไฟเบอร์ในแฟลกซ์

เมื่อ 60 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ไฟเบอร์-เส้นใยอาหาร ไม่มีคุณค่าอาหาร ฉนั้นจึงไม่มีความสำคัญ จะเห็นได้จาก การสีธัญพืชต่างๆ จะเหลือส่วนที่เป็นข้างในไว้เท่านั้น แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เริ่มสนใจกับประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศด้อยพัฒนา เขาเหล่านั้นกินอาหารที่มีไฟเบอร์-เส้นใยอาหารสูง และไม่มีปัญหา ท้องผูก หรือ โรคอื่นๆๆ เช่น Crohn's diease, diverticultitis และ คอเลสตอรอลสูง ซึ่งจะพบมากในประเทศที่เจริญทางอุตสาหกรรม ในทันทีที่ค้นพบนั้น ผู้คนก็ให้ความสนใจกับคำนี้ทีเดียว
ไฟเบอร์ในแฟลกซ์เป็นส่วนประกอบของ เปลือก และมีส่วนผสมของน้ำมันที่เนื้อของมัน ร่างกายของเราไม่อาจย่อยสลายได้หมด แต่แบคทีเรียในลำไส้ใช้เป็นอาหารได้

แฟลกซ์มีไฟเบอร์ อยู่ 2 ชนิด
- soluble ไฟเบอร์ที่ละลายได้
- insoluble ไฟเบอร์ที่ละลายไม่ได้

soluble ไฟเบอร์ที่ละลายได้
จะมีอยู่ถึง 1/3 ของเมล็ดแฟลกซ์ มีส่วนช่วยลดคอเลสโตรอล และ ปรับระดับกลูโคสในเลือด จึงเป็นข่าวดีสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน

insoluble ไฟเบอร์ที่สารละลายไม่ได้
มีอยู่ประมาณ 2/3 ของไฟเบอร์ทั้งหมด ไฟเบอร์ตัวนี้ จะทำความสะอาดลำไส้ คล้ายไม้กวาด ทำให้ท้องไม่ผูก

หนังสือ British Journal of Nutrition ได้รายงานว่า กลุ่มคนที่ลองกินแฟลกซ์ซีด ภายใน 4 อาทิตย์ มีน้ำตาลในเลือดลดลงถึง 27 % ส่วนระดับคอเลสโตรอลก็ลดลง 7% และการขับถ่ายก็ดีขึ้นด้วย เพราะไฟเบอร์ดในแฟลกซ์เป็นตัวช่วยทำให้ขับของเสียออกเร็ว ไม่มีการหมักหมม จนเป็นท๊อกซิก ซึ่งอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของ "มะเร็งลำไส้ใหญ่" ได้


Lignans ฮอร์โมนชนิดหนึ่งในแฟลกซ์

Lignans เป็นพืชชนิด estrogens (phytoestrogens) ซึ่งอาจจะเป็นตัวสำคัญ ในการป้องกัน มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งมดลูก และ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ฮอร์โมนในพืชชนิดนี้ นอกจากจะทำตามที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังเป็นตัวช่วยให้ กระดูก และเนื้อเยื่อแข็งแรง ทำงานตามปกติ ป้องกันมะเร็งถุงน้ำดีอีกด้วย Lignans ยังช่วยขับ estrogen ส่วนเกินให้ออกจากร่างกายด้วย ทำให้ชะลอการเติบโตของ tumor (เนื้องอก) เป็นที่รู้กันว่า ผู้หญิง แมกซิกัน ญี่ปุ่น และจีน กินอาหารที่มีไฟเบอร์ และ Lignans สูง มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่า หญิงที่บิรโภคอาหารแบบอเมริกา ยิ่งกว่านั้นแล้ว เหล่านักวิจัยเชื่อว่า lignans มีส่วนช่วยเหลือ / ป้องกัน โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และ อาจรวมถึง โรคหืดหอบ ทั้งยังช่วยป้องกัน แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราได้อีกด้วย....ทั้งยังช่วยลดโอกาส การเป็นโรคกระดูกพรุน - osteoporosis และ โรควัยทอง – maenopause
 
มีอะไรพิเศษในแฟลกซ์

แฟลกซ์ มีวิตามิน A, B, B2, C, D และ E และแร่ธาตุอีกมาก น้ำมันที่มีอยู่ในแฟลกซ์ก็มีมากถึง 35 % - 45% แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูชนิด ประเภท ดินฟ้าอากาศที่ปลูก ของแฟลกซ์พันธ์นั้นๆด้วย แฟลกซ์มีโปรตีนเกือบครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ กรดอะมิโน ในแฟลกซ์จะผสมกันได้ดีกับส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรือ คอตเต๊ตชีส (cottage cheese) ฉะนั้นเมื่อเราบริโภคเมล็ดแฟลกซ์ กับผลิตภัณฑ์นม จะทำให้ร่างกายได้รับ โปรตีน ครบถ้วน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ flex

Golden Flax จะมีคุณค่าและราคาแพงกว่า Brown Flax เพราะขนาดใหญ่กว่า เปลือกอ่อนกว่า และ รสชาติดีกว่า แต่จะให้น้ำมันน้อยกว่าแฟลกซ์สีน้ำตาล (ถ้าเอามารีดน้ำมัน) แฟลกซ์เหลืองทองนิยมนำมาใส่ ซีเรียล (Cereals) ขนมอบ การจะใส่ใน ซีเรียส (Cereals) ควรจะกระเทาะ หรือ บุบให้แตกเล็กน้อย แต่ไม่ต้องถึงขนาดให้เนื้อและน้ำมันแตกออกมา

ข้อควรระวังในการซื้อเมล็ดแฟลกซ์ป่น

ไม่ควรจะซื้อแฟลกซ์บด/ป่น มาใช้ เพราะการบด/ป่นละเอียดไว้ล่วงหน้า จะทำให้น้ำมันแฟลกซ์ เกิดการออกซิไดซ์ (น้ำมันปนกับออกซิเจน) ทำให้เหม็นหืนได้ ความร้อน แสงสว่าง และอากาศ จะเป็นตัวทำให้เกิดการออกซิเดชั่น น้ำมันที่เหม็นหืน ไม่ควรใช้บริโภคเพราะเป็นพิษ และ เป็นตัวทำให้เกิดมะเร็งได้
ขณะ นี้ในตลาดมีเมล็ดแฟลกซ์บด/ป่นขาย ห่อด้วยฟอยด์ศูนย์อากาศ บรรจุภัณฑ์เหล่านี้จะสามารถเก็บรักษาเมล็ดแฟลกซ์ให้สด ควรดูวันหมดอายุ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน เมื่อเปิดห่อแล้ว ต้องเก็บในขวดที่ปิดสนิท เข้าตู้เย็นไว้ และต้องใช้ให้หมดภายใน 2 อาทิตย์ เมล็ดแฟลกซ์ที่ผลิตจากท้องถิ่นที่มีอากาศเย็นจะมีคุณภาพของน้ำมันโอเมก้า 3 มากกว่า อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยง น้ำมันที่ผ่านการกลั่นกรอง ด้วยความร้อนสูง

Flax Oil น้ำมันแฟลกซ์

น้ำมัน แฟลกซ์เป็นน้ำมันที่มีกรดไม่อิ่มตัวสูง จึงเหมาะกับร่างกายเรามาก  แต่เพราะไขมันไม่อิ่มตัวจะดูดออกซิเจนเร็วมาก ทำให้มีกลิ่นหืน เราจึงต้องใช้น้ำมันนี้ ด้วยความระมัดระวัง คือต้องเก็บในขวดทึบ อากาศและแสงผ่านได้น้อย การปรุงอาหารที่เหมาะกับน้ำมันแฟลกซ์นี้ คือ อาหารที่ไม่ต้องผ่านความร้อน เช่น น้ำสลัด สำหรับผักสด สลัดมันฝรั่ง สลัดแครอท สลัดกะหล่ำปลีขาว-แดง น้ำมันแฟลกซ์ควรจะเลือกประเภทที่สกัดโดยไม่ผ่านกรรมวิธีและความร้อนสูง (coldpress) ไม่ควรซื้อ เมื่อผ่านการผลิตมาแล้ว 6 เดือน ควรเลือกซื้อขวดเล็ก และใช้ให้หมดภายใน 3 อาทิตย์ หลังเปิดขวดแล้ว

ประโยชน์ของการกินเมล็ดแฟลกซ์และน้ำมันแฟลกซ์

จะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง ผลทางชีวเคมี กับ ผลทางการวิจัย เทียบกันได้ดังนี้

ผลทางชีวเคมี
1. ปรับกล่มไขมันในร่างกายให้เป็นปกติ
2. ปรับความสมดุล ของโพรสแกลนดินส์
3. ลดความอยากอาหาร, ลดการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในระบบอาหาร
4. รักษาระดับอินซูลิน - น้ำตาล ในเลือด
5. มีประสิทธิภาพทำให้เกิดภูมิคุ้มกันร่างกาย
6. เพิ่มเส้นใยอาหาร และอโรบิดแบคทีเรียในการย่อยอาหาร
7. ลดคอเลสโตรอล และ ไขมันในเลือด
8. ช่วยให้ระบบเมทาโบลิซึม ทำงานได้ดีขึ้น
9. เพิ่มระดับ estrogen ในเลือด
10. ส่งเสริมการทำงานของตับ

ผลทางการวิจัย
1. ผิวอ่อนนุ่ม ผมเงา มือนิ่ม ความแข็งแกร่งอดทนของร่างกายดีขึ้น มีกำลังวังชา กระฉับกระเฉง
2. ปรับกล้ามเนื้อให้เข้าสู่สภาพปกติ เช่น ช่วงก่อน-หลังมีรอบเดือน หรือ ช่วงการเข้าสู่วัยทอง
3. ยับยั้งความอยากกินอาหารจำพวกที่มีคาร์โบไฮเดรตได้
4. ป้องกันความอยากกินของหวาน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทนมากขึ้น
5. ช่วยลดอาการอาหารเป็นพิษ กับโรคบางชนิดได้ผลดียิ่งขึ้น
6. ช่วยกระตุ้นให้แบคทีเรียในกระเพาะอาหารทำหน้าที่กำจัดแก๊ซ ระบบการขับถ่าย ทวารหนักอักเสบ
7. ระบบสูบฉีดโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ทำให้สมองทำงานดีขึ้น คิดอะไรได้ว่องไว
8. ช่วยให้ร่างกายสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันได้ ร่างกายทนต่ออากาศหนาว/เย็น ได้ดีขึ้น
9. ช่วยลดปัญหาต่างๆ ในช่วงเข้าสู่วัยทอง
10. ลดและ รักษาระดับการสูบฉีดเลือด

สำหรับผิวพรรณ

เมล็ด แฟลกซ์ ยังสามารถช่วยปรับสภาพผิวหน้า ผิวมัน ผิวแห้ง และมีจุดด่างดำ เหมาะกับวัยรุ่นที่มีปัญหาเรื่องผิว สามารถใช้วิธีการรักษาด้วยเมล็ดแฟลกซ์ดีกว่า การใช้ผลิตภัณฑ์เคมีต่างๆ
วิธีทำมาสค์เมล็ดแฟลกซ์
1 ส่วน เมล็ดแฟลกซ์ป่น
1ส่วน Wheat bran ป่น
ใส่ในขวด สีชา (กั้นแสง) ปิดฝาให้แน่น

วิธีเตรียม
ตักส่วนผม 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ชาม เติมน้ำร้อนพอควร คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน

วิธีใช้
1. ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แล้วเอามาสค์ทาหน้า คลึงเบาๆให้ทั่ว
2. พักไว้ 5-10 นาที น้ำมันในเมล็ดแฟลกซ์จะช่วยสมานผิว ช่วยให้ผิวส่วนที่แห้ง ชุ่มชื่นขึ้น
3. ล้างออกด้วยน้ำ ซับหน้าให้แห้ง
สามารถใช้แทนสบู่ ล้างหน้าได้ทุกวัน หรือ จะใช้เป็นสครับขัดตัวก็ได้

การใช้เมล็ดแฟลกซ์เป็นยาพอก ยาสมานผิว

เมล็ด แฟลกซ์ที่กระเทาะเปลือกแล้ว สามารถทำเป็นยาพอกแผลได้ ในกรณีที่ กล้ามเนื้อปวดเมื่อย พกช้ำ ผิวที่โดนความร้อนลวก บริเวณที่ปวดเพราะโรคไขข้ออักเสบ (หนองแตก) แผลพุพอง
1. เจ็บปวดกล้ามเนื้อ ที่เกิดจากการออกกำลังกาย ทำให้ปวดเมื่อย หรือ ผิวที่มีรอยเขียวช้ำ เป็นจ้ำๆ เช่นเดินชนมุมโต๊ะ
2. โรคไขข้ออักเสบ อาการปวดประสาท....จะช่วยบรรเทาและผ่อนคลายขึ้น
3. การอักเสบของอวัยวะภายใน เช่น กระเพาะ ซีดต์บวม (เจ็บจี๊ดๆ, ปวด) หรือ อาการปวดจากมีตะกอนในไต อาการบวมของถุงน้ำดี จะช่วยให้บรรเท่าความเจ็บได้ แต่ต้องพอกอย่างสม่ำเสมอ

วิธีทำ
1. เมล็ดแฟลกซ์ป่น 1 ถ้วยตวง
2. เติมน้ำเดือดให้ท่วม ทิ้งไว้ 10 นาที
3. เมื่อผสมกันดีแล้ว เอามาละเองให้ทั่วผ้าขาวที่เตรียมไว้ (ตามขนาดที่เหมาะกับบริเวณที่จะพอก - รวมด้านที่จะพัก ขวา/ซ้าย/บน/ล่าง
4. โดยพับด้านขวามากึ่งกลาง แผ่นแฟลกซ์ละเลงไว้
5. พับด้านซ้ายมาจดตรงกลาง
6. พับด้านบน-ล่าง มาจดตรงกลาง (ให้เกยกันบ้างก็ได้)
7. นำไปวางประคบ บริเวณที่ต้องการ อาจจะใช้ผ้าอีกผืนห่อ ผูกให้ติดกับอวัยวะนั้นๆๆ
8. ห่อไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง หรือ ข้ามคืน

จาก ศูนย์เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ที่มา  http://health4friends.lnwshop.com/
รูปประกอบจาก อินเตอร์เน็ท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น