วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ยาเบญจกูลกับการคูณธาตุ

พิกัดเบญจกูล คือ การจำกัดจำนวนตระกูลยาที่มีรสร้อน 5 อย่าง มี
  • ดอกดีปลี รสเผ็ดร้อนขม แก้ปถวีธาตุพิการ แก้ท้องร่วง ขับลมในลำไส้ แก้หืดไอ
  • รากช้าพลู รสเผ็ดร้อน แก้คูถเสมหะ ขับเสมหะให้ตก บำรุงธาตุ ขับลมในลำไส้
  • เถาสะค้าน รสเผ็ดร้อน แก้ลมอันบังเกิดในกองธาตุ กองสมุฎฐาน ขับลมในลำไส้ บำรุงธาตุ
  • รากเจตมูลเพลิง รสร้อน บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต ขับโลหิตระดู กระจายเลือดลม แก้ริดสีดวง เกลื่อนฝี
  • เหง้าขิงแห้ง รสเผ็ดหวาน เจริญอากาศธาตุ แก้ไข้ แก้ลมพานไส้ แก้พรรดึก
สรรพคุณรวม กระจายกองลมและโลหิต แก้เสมหะทางทวาร แก้ลมพานไส้ ระงับโรคอันบังเกิดแก่อาการ 32 ของร่างกาย บำรุงธาตุทั้งสี่ให้บริบูรณ์ โดยใช้ยาแต่ละตัวในนํ้าหนักเท่ากัน

การนำตัวยาในพิกัดเบญจกูลมาทำการคูณธาตุของแพทย์แผนโบราณ

การ คูณธาตุนั้น คูณเพื่อทำยาธาตุ ที่ใช้ในการรักษาโรคเรื้อรังต่างๆที่ไม่ใช่โรคติดต่อ หรือโรคร้ายแรง เป็นโรคที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ชนิดที่เรียกว่า อาการ32 แปรปรวนไปหมด ทาง แพทย์แผนโบราณก็ให้คูณธาตุกินก่อน หรือให้กินควบคู่ไปกับยารักษาโรคอื่นๆก็ได้ โดยยาประจำธาตุเพื่อปรุงให้คนกินปรับปรุงธาตุในร่างกายให้เป็นปกติ ธาตุในร่างกายแข็งแรง ระบบต่างๆในร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้นมี 4 อย่างซึ่งก็คือตัวยาในพิกัดเบญจกูล แต่จะมีการใช้ยาในนํ้าหนักต่างไปจากพิกัดเบญจกูลเนื่องจากต้องคูณธาตุให้ เหมาะกับคนไข้แต่ละคน
ตัวยาประจำธาตุ ได้แก่
1. ดอกดีปลี             ประจำ ธาตุดิน
2.รากชะพลู             ประจำ ธาตุน้ำ
3.เถาสะค้าน             ประจำ ธาตุลม
4.รากเจตมูลเพลิง ประจำ ธาตุไฟ
5.เหง้าขิงแห้ง         ประจำ อากาศธาตุ

การคูณธาตุ

ให้ถามคนไข้ว่าเกิดวันที่หรือแรมกี่ค่ำ เดือนอะไร ปีอะไร
สมมุติ เกิดวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วันที่หมอถามคนไข้เป็นวันที่ 1 มกราคม 2526 และคนทั่วไปนับถึงอายุปัจจุบันจะเป็น 51 ปี ( คือจาก 2547 -2526 )

ส่วนโหรคิดเต็มเดือนและเต็มปีดังนี้

1 มิถุนายน 2475 เทียบเป็นไทยก็แรม 13 ค่ำ เดือน 6 ปี วอก ( พ.ศ. 2475 ) เมื่อนับแรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีวอก ( พ.ศ. 2475 ) ถึง แรม 13 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ( พ.ศ. 2525 )จะได้ระยะห่าง 49 ปีเต็ม
สมมุติว่าวันที่ 1 มกราคม 2526 (วันที่ถามคนไข้ ) เทียบเป็นไทยก็ได้ แรม 3 ค่ำเดือน 3 ปีกุล ( พ.ศ. 2526 ) เมื่อนับแรม 13 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ( พ.ศ.2525 ) ถึงแรม 3 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน ( พ.ศ. 2526 ) จะได้ระยะห่างเวลาประมาณ 8 เดือน คิดเป็นไทยก็จะได้ 48 ปี 8 เดือน จัดได้ว่าอายุ 50 ปี

วิธีคูณธาตุ

ท่านให้ตั้งอายุปีปัจจุบัน คือ 50 ปี เอา 5 ( กองธาตุ 5 กอง ) คูณอายุ เท่ากับ 50 คูณ 5 ได้ 250
หลัง จากนั้นก็ต้องมาทราบว่าธาตุแต่ละธาตุมีกำลังประจำธาตุดังนี้ ดิน 20 , น้ำ 12 , ลม 6 , ไฟ 4 , อากาศ 10 ให้เอากำลังประจำธาตุดิน ( 20 ) บวกกับผลลัพท์อายุที่คูณด้วยกองธาตุ ( 250 ) จะได้ธาตุดิน 20 บวก 250 ได้ 270 สำหรับธาตุน้ำ ลม ไฟ อากาศ ให้เอาผลลัพท์จากธาตุดิน ( 270 ) บวกกับธาตุในแต่ละธาตุ
ธาตุน้ำ 12 บวก 270 ได้ 282
ธาตุลม 6 บวก 270 ได้ 276
ธาตุไฟ 4 บวก 270 ได้ 274
อากาศธาตุ 10 บวก 270 ได้ 280

ให้เอา 4 หารผลลัพท์ที่ได้ในแต่ละธาตุ
ธาตุดิน 270 หาร 4 ได้ 67 เศษ 2
ธาตุน้ำ 282 หาร 4 ได้ 70 เศษ 2
ธาตุลม 276 หาร 4 ได้ 69 เศษ 0
ธาตุไฟ 274 หาร 4 ได้ 68 เศษ 2
อากาศธาตุ 280 หาร 4 ได้ 70 เศษ 0

แต่ละธาตุให้เอาเศษไว้ ตัดส่วนทิ้งไป
ธาตุดิน 2
ธาตุน้ำ 2
ธาตุลม 0
ธาตุไฟ 2
อากาศธาตุ 0

ธาตุทุกธาตุให้ตั้งเกณฑ์ไว้ต้องครบ 8 สลึงของตัวยา เศษของธาตุที่ได้ถือหน่วยเป็นสลึง ดังนั้นเมื่อเติมธาตุให้ครบเกณฑ์ก็จะได้
ธาตุดิน 2 เพิ่มอีก 6 ได้ครบเกณฑ์ 8
ธาตุน้ำ 2 เพิ่มอีก 6 ได้ครบเกณฑ์ 8
ธาตุลม 0 เพิ่มอีก 8 ได้ครบเกณฑ์ 8
ธาตุไฟ 2 เพิ่มอีก 6 ได้ครบเกณฑ์ 8
อากาศธาตุ 0 เพิ่มอีก 8 ได้ครบเกณฑ์ 8

จะได้ตัวยาที่จะนำไปกินดังนี้
ธาตุดิน. ดอกดีปลี 6 สลึง
ธาตุน้ำ รากชะพลู 6 สลึง
ธาตุลม เถาสะค้าน 8 สลึง
ธาตุไฟ รากเจตมูลเพลิง 6 สลึง
อากาศธาตุ เหง้าขิงแห้ง 8 สลึง

วิธีทำ

เอายาทั้ง 5 รวมกันต้ม ครั้งแรกใส่น้ำท่วมยาเคี่ยวให้เหลือครึ่งหนึ่งแล้วเทเอาน้ำขึ้น
ใส่น้ำเท่าครั้งแรก ต้มเคี่ยวต่อครั้งที่ 2 ให้น้ำเหลือครึ่งหนึ่งแล้วรินน้ำรวมกับที่ต้มครั้งแรก
ครั้ง ที่สาม ต้มให้งวดเกือบแห้ง แล้วก็รินน้ำมารวมต้มกับครั้งที่ หนึ่ง และสอง เอากากยาทิ้ง แล้วเอาน้ำมากินหรือถ้ากินร่วมกับยาอื่นก็เอาไปดองรวมกัน

วิธีกิน

กิน เพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น เช่น ตอนบ่าย 3 โมงหรือสามทุ่ม หรือจะเอาเวลาไหนก็ได้ แต่ต้องกินเวลาเดียวกันทุกวัน ครั้งละ 2-3 ช้อนโต๊ะหรือหนึ่งถ้วยชาในการรักษา
ในการรักษาโรคเรื้อรังต่างๆ ที่มิใช่โรคติดต่อหรือโรคร้ายแรงต่างๆ หารคูณธาตุเป็นการปรับปรุงกองธาตุให้เสมอกัน ไม่ต้องเติมตัวยาอะไรอีกทั้งสิ้น คูณธาตุได้อย่างไรจำนวน 5 อย่างก็เอาเท่านั้น ถ้าธาตุกำเริบหย่อนพิการ ใช้ตัวยา 5 อย่างก็พอ.


ที่มา :http://health4friends.lnwshop.com
รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น