วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เห็ดหลินจือรักษามะเร็งได้จริงหรือ?

ผลการศึกษาทางวิทยาศาตร์ของเห็ดหลินจือ

การศึกษาที่ 1 การศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือในด้านการรักษาโรคมะเร็ง

เป็น การศึกษาแบบเปิด (ไม่เลือกยี่ห้อ) ศึกษาถึงประโยชน์ที่มีต่อสุุขภาพของผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือในเรื่องของการ เพิ่มขึ้นของภูมิคุ้มกันในแต่ละบุคคลศึกษากับคนไข้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง (ไต ช่องท้อง เต้านม) และรักษาด้วยวิธีการฉายรังสีและเคมีบำบัด จำนวน 48 ราย ผู้ป่วยทุกคนได้รับประทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือจำนวน 1.5 กรัมต่อวัน วันละ 2 ครั้ง เป็นจำนวน 36 วัน

ผลการศึกษา

  • หลังจากรับประทาน เห็ดหลินจือสกัดแล้วระดับอัตราส่วนของเซลล์เม็ดเลือด ขาวชนิด CD4 ต่อ CD8** รวมทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-cell เพิ่มขึ้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเซลล์เม็ดเลือดขาวนี้ช่วยให้ร่างกายอยู่ในภาวะที่มีภูมิ คุ้มกันที่สูงขึ้น
  • ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้เคมีบำบัดหรือการ ฉายรังสีก็ลดลงด้วย เช่น อาการผมร่วง เวียนศีรษะ อาเจียน เจ็บคอ ไม่ว่าจะรับประทานผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือก่อนหรือหลังการบำบัด ขนาดที่แนะนำคือ ครั้งละ 3 กรัม วันละ 3 เวลา (Teow, 1996)
  • ผู้ป้่วยสามารถรับประทานอาหารได้เพิ่มขึ้นและดูมีชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้น
  • ผู้ ป่วยที่รับประทานผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือสกัดหลังจากได้รับการผ่าตัด นั้น บาดแผลจากการผ่าตัดจะฟื้นตัวและหายเร็วขึ้นพร้อมทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ (Kupin 1992)
หมายเหตุ**
  1. เซลล์ CD4 เรียกอีกอย่างว่า helper T cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD4 บนผนังเซลล์ ทำหน้าที่ส่งเสริมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอื่น เช่น B cell ในการสร้างแอนติบอดี้จำเพาะ
  2. เซลล์ CD8 หรือ killer cells หรือ suppressor cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD8 บนผนังเซลล์ ทำหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ผิดปกติหรือที่เกิดจากการติดเชื้อ

การศึกษาที่ 2 การศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

การ ศึกษานี้เป็นการศึกษาในประเทศไต้หวันโดยรูปแบบของการทดลองจะแบ่งออก เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกทำการทดสอบโดยให้หนูรับประทานเห็ดหลินจือส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มที่ รับประทานยาหลอก (Piacebo) เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์

ผลการศึกษา

กลุ่มที่ได้รับเห็ดหลินจือจะมีการเพิ่มขึ้นของภูมิคุ้มกันหลายชนิด้วยกัน เช่น
  • อิมมูโนกลอบบูลินชนิด จี เอ็ม และเอ (ดังกราฟที่ 1)
  • เพิ่มกระบวนการสร้างเม็ดเลือดขาวให้กับร่างกาย
  • มีการสร้างไซโตไคน์*** (Cytokines) ชนิด IL-2, IL-5, IL-6 และ IFN เพิ่มขึ้น (ดังแสดงในกราฟที่ 2)
    หมายเหตุ*** ไซโตไคน์ (Cytokines) คือสารช่วยกำกับเม็ดเลือดขาว เป็นตัวช่วยลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
กราฟแสดงการเพิ่มขึ้นของภูมิคุ้มกัน

การศึกษาที่ 3 การศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือในด้านการยับยั้งเซลล์มะเร็ง

การ ศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือที่มา จากแหล่งต่างๆ กันดังแสดงในตารางที่ 1 ว่ามีประสิทธิภาพในการยับยั้งเซลล์มะเร็งมากน้อยเพียงไร โดยศึกษาถึงการยับยั้งเซลล์มะเร็งชนิด MDA-MB-231 ที่ก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมและเซลล์มะเร็งชนิด PC-3 ที่ก่อให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ผลการศึกษาแสดงดังตารางที่ 2, กราฟที่ 1 และ 2
ตารางแหล่งและส่วนที่นำไปใช้ของเห็ดหลินจือ

ผลการศึกษา

จาก การทดลองสรุปได้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum) มีคุณสมบัติในการยับยั้งเซลล์มะเร็งทั้งชนิด MDA-MB-231 และ PC-3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือที่ได้จากสารสกัดและการทำให้สปอร์แตก ออกเป็นผง

การศึกษาที่ 4 การศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือในด้านการทำงานของตับ

เป็น การศึกษาถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเห็ดหลินจือสกัดต่อ สุขภาพของตับรวมทั้งส่งเสริมการทำงานของตับให้ดีขึ้น ทำการทดลองกับหนูทดลองที่ได้รับการฉีดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และหลังจากได้รับเชื้อแล้วก็จะทำการฉีดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเห็ดหลินจือสกัด เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ พร้อมทั้งทำการตรวจระดับของเอนไซม์ Glutamate Pyruvate Transaminase (GPT) และ Glutamate-Oxaloacetate Transaminase (GOT) ในกระแสเลือด ซึ่งเอนไซม์ทั้งสองชนิดนี้เป็นเอนไซม์ทีพบปริมาณมากใน ตับ ไต และหัวใจ แต่หากตับและไตถูกทำลายหรืออยู่ในภาวะการทำงานหนัก เอนไซม์ดังกล่าวจะถูกปล่อยไปอยู่ในกระแสเลือด ซึ่งผลการทดลองสามารถแสดงได้ดังกราฟที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
กราฟแสดงปริมาณที่ลดลงของเอนไซม์ GPI

ผลการศึกษา

  • ในกลุ่มที่ได้รับผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือสกัด ระดับเอนไซม์ GPT และ GOT ในกระแสเลือดลดลง
  • ป้องกันการลดลงของปริมาณแอลบูมินและโปรตีนในตับ ช่วยให้ตับมีการทำงานที่ดีขึ้น
  • น้ำหนักของม้ามลดลง
  • มีการลดลงของเอนไซม์ทรานส์อะมิเนส (Transaminase)
ดัง นั้น จากการทดลองสามารถสรุปได้ว่าผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือสกัดช่วยดูแลสุขภาพของตับ และส่งเสริมการทำงานของตับให้ดีขึ้นโดยสังเกตได้จากการลดลงของเอนไซม์ GPT และ GOT ในกระแสเลือด
หมายเหตุ***
  • การ วัดระดับเอนไซม์ GPT และ GOT นั้นเพื่อตรวจสอบสุขภาพเซลล์ตับ ว่าถูกทำลายหรืออักเสบหรือไม่หากพบเอนไซม์ทั้ง 2 ชนิดสูงแสดงว่า เซลล์ตับถูกทำลายหรือตับอักเสบ
  • แอลบูมินเป็นโปรตีนที่ตับสร้างขึ้น หากพบว่าระดับแอลบูมินในเลือดลดลง แสดงว่าการทำงานของตับเสื่อมลง
  • หากระดับเอนไซม์ทรานอะมิเนส ในเลือดสูง แสดงว่า เซลล์ตับถูกทำลายหรือเสื่อม
  • หากพบม้ามโต แสดงว่าตับอาจมีการอักเสบ หรือเป็นตับแข็ง

การศึกษาที่ 5 การศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือในด้านการช่วยลดอาการเมื่อยล้าและอ่อนเพลีย

เป็น การศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเห็ดหลินจือในเรื่องของการช่วย ลดอาการอ่อนเพลียและอ่อนแรง โดยใช้อาสาสมัครที่มีอาการดังกล่าวจำนวน 37 คน การทดลองทำโดยให้อาสาสมัครทุกรายรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเห็ดหลินจือ สกัด (PX) เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ หลังจากนั้นสังเกตและวัดผล

ผลการศึกษา

หลัง จากการทดลองเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ หลังจากรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเห็ดหลินจืออาการอ่อนเพลียและเมื่อยล้า ลดลง 53.6% รวมทั้งเพิ่มกระบวนการทำงานของต่อมน้ำเหลือง และระดับของภูมิคุ้มกันชนิด IL-2 และอิมมูโนกลอบบูลิน ชนิด จี เพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัยสำคัญ
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเกี่ยวกับยาจีนแผนโบราณ โดย ศาสตราจารย์ฟง-ลิน ชู
ศาสตราจารย์ ฟง-ลิน ชู - ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์และคณบดี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งไทเป ในระหว่างที่ท่านศึกษาและทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยคิวชูในฟูกุโอกะประเทศ ญี่ปุ่น ท่านได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ส่วนประกอบของยาจีนที่มีคุณสมบัติในการลดลาย (Soluble Chinese Medicine ingredients) เพื่อใช้ในการรักษาโรค ซึ่งท่านจัดเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในเรื่องดังกล่าวที่ภายหลังงานวิจัยของ ท่านได้ถูกนำไปเป็นแม่แบบในงานวิจัยอีกหลายฉบับ
ในปัจจุบันเรื่องของ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ทุกคนหันมาให้ความสนใจกัน มากในอันดับต้นๆ ยาจีนแผนโบราณ (Traditional Chinese Medicine) และพืชสมุนไพรได้ถูกนำมาศึกษาวิจัยและช่วยส่งเสริมในการรักษาควบคู่กับยาแผน ปัจจุบัน ศาสตราจารย์เฟง-ลิน ชู กล่าวว่า แม้ว่าจากประสบการณ์ของท่านในงานค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของยาจีนแผน โบราณท่านก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจและเปิดเผยถึงความวิเศษของพืชเหล่านี้ ได้อย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะคุณสมบัติต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเรา ยกตัวอย่าง เช่น ในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมีการวิจัยและค้นคว้าถึงคุณสมบัติของเห็ดหลินจือ ในทางการแพทย์เป็นจำนวนมากเช่น
  1. เห็ดหลินจือช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบริเวณเต้านม เห็ดหลินจือมีคุณสมบัติในการส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายยับยั้งการ เจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้เห็ดหลินจือยังช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอาการข้างเคียงที่อาจ เกิดขึ้นได้จากการรักษามะเร็งด้วยการฉีดสารเคมี (Chemotherapy)
  2. ส่งเสริมการทำงานของตับ ส่งเสริมการทำงานของตับโดยเฉพาะในเรื่องของการกำจัดสารพิษ (Detoxification) และการสร้างเซลล์ของตับใหม่ขึ้นอีกครั้ง
  3. ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวกับภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น ไขข้ออักเสบ โรคหืด เป็นต้น
  4. อื่นๆ ลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในกระแสเลือด ส่งเสริมระบบหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันอาการไอ และซึมเศร้า
ที่มา :http://health4friends.lnwshop.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น